ภาพยนตร์ The Batman ที่จะเข้าฉายในปี 2021 ปล่อยตัวอย่างออกมาให้ชมเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้นึกถึงภาพยนตร์แบทแมนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากก่อนหน้านี้ นั่นก็คือภาพยนตร์ไตรภาคชุด The Dark Knight Trilogy ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ เพราะไตรภาคชุดนี้เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ในมุมมองที่สมจริงและมืดมน มีมิติของความเป็นมนุษย์ ไม่ได้เอาแต่สาดพลังใส่กันเหมือนภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่แบบเดิม ๆ
ใน The Dark Knight แต่ละภาค แบทแมนมีศัตรู ตัวหลักที่หลากหลาย ใน Batman Begins ภาคแรกในปี 2005 มีตัวร้ายหลักคือราส์ อัล กูล (Ra’s Al Ghul) ใน The Dark Knight ซึ่งถือเป็นภาคที่ 2 ในปี 2008 มีตัวร้ายหลักคือโจ๊กเกอร์ (Joker) ส่วนภาคจบ The Dark Knight Rises ในปี 2012 มีตัวร้ายหลักประจำภาคคือ เบน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
นอกจากบรรดาตัวร้ายหลักประจำภาคแล้ว เราจะได้เห็นอาชญากรและตัวร้ายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หนึ่งตัวละครที่ปรากฏตัวอยู่ในทั้ง 3 ภาค วายร้ายตัวนั้นคือ ดร.โจนาธาน เครน (Dr.Jonathan Crane) หรือเดอะสแกร์โครว์ (The Scarecrow)ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเภสัชวิทยา เป็นหัวหน้าผู้บริหารของโรงพยาบาลจิตเวชอาร์กแฮม (Arkham Asylum) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านความกลัว และใช้ “สารพิษชักนำความกลัว” ในการทรมานอาชญากรรวมถึงทุกคนที่ขวางทางเขา
การที่ตัวละครตัวนี้โผล่มาในทุกภาคชวนให้สงสัยว่า แล้วทำไมวายร้ายตัวนี้ถึงเป็นเพียงวายร้ายตัวเดียวที่ปรากฏตัวอยู่ใน The Dark Knight Trilogy ทุกภาค?
มีบทความ Why Scarecrow Is the Only Batman Villain in All 3 Dark Knight Trilogy Movies จากเว็บไซต์ Screen Rant เขียนโดย เอเดรียน ไทเลอร์ (Adrienne Tyler) วิเคราะห์ว่า การที่เดอะสแกร์โครว์ปรากฏตัวอยู่ในทุกภาคมีความน่าจะเป็น 3 ข้อ ดังนี้
ข้อแรก เป็นนักแสดงประจำตัวของผู้กำกับ ในภาพยนตร์ของ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) เรามักจะเห็นนักแสดง โรเบิร์ต เดอ นิโร (Robert De Niro) หรือผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) กับนักแสดง จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ผู้กำกับอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็มีนักแสดงประจำตัวเช่นเดียวกัน ซึ่ง คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) ผู้รับบทเดอะสแกร์โครว์เป็นหนึ่งในนั้น จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นสแกร์โครว์ในทุกภาคของภาพยนตร์ชุด The Dark Knight
ข้อถัดมา การปรากฏตัวของเดอะสแกร์โครว์ช่วยทำให้ภาพยนตร์มีความต่อเนื่อง เป็นตัวละครที่เชื่อมโยงภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาคเข้าด้วยกัน ในบทความระบุว่า คงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าสิ่งที่เดอะสแกร์โครว์ปูพื้นมาในภาคแรกไม่ได้ถูกกล่าวถึงในภาพยนตร์ภาค 2 และ 3 ซึ่งการกลับมาของเดอะสแกร์โครว์นั้นก็เข้ากับเส้นเรื่องของไตรภาคนี้เป็นอย่างดี ใน The Dark Knight (ภาค 2) เครนถูกจับในตอนต้นเรื่อง และได้รับการปล่อยตัวโดยเบนใน The Dark Knight Rises แล้วกลายมาเป็นผู้พิพากษาศาลเตี้ยในเมืองกอตแธม (Gotham City) ทำให้ภาพยนตร์มีความต่อเนื่องและสมจริงมากยิ่งขึ้น
ข้อสุดท้าย เครนเป็นตัวละครที่เป็นตัวแทนของความกลัว ซึ่ง “ความกลัว” เป็นธีมหลักของภาพยนตร์ชุด The Dark Knight
ถึงแม้ว่าผู้กำกับและนักแสดงจะไม่เคยเปิดเผยว่าทำไมเดอะสแกร์โครว์ถึงโผล่มาอยู่ในภาพยนตร์ทุกเรื่อง แต่การมีอยู่ของตัวละครตัวนี้ช่วยให้ภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาคมีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องกัน และลื่นไหลเป็นอย่างดี
