
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ชาวอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 10,000 คน ร่วมต้อนรับ ตูน บอดี้สแลม พร้อมด้วยบัวขาว บัญชาเมฆ นักชกไทยไฟท์ชื่อดัง สวมหน้ากากสีเขียววิ่งนำหน้าขบวนสร้างสีสันให้ประชาชนบันทึกภาพอย่างใกล้ชิด โดยบรรยากาศในการต้อนรับมีความคึกคักเป็นอย่างมาก จากการมอบเงินสมทบทุนให้โครงการวิ่งโครงการก้าวคนละก้าวเบตง – แม่สาย ในการวิ่งเซ็ทที่ 4 เนื่องจากมีดารานักแสดงชื่อดังร่วมวิ่งหลาย จากด้านหน้าร้านแหม่มค้าวัสดุก่อสร้าง ถึงกรีนซีวิวรีสอร์ท โดยใช้เส้นทางบนถนนสายบางสะพาน – หนองหัดไท จากนั้นวิ่งผ่านตลาดบางสะพาน ถนนสายเพชรเกษม – ชายทะเล ขณะที่ประชาชนได้พร้อมใจกันส่งเสียง “พี่ตูนสู้ๆ” อย่างกึกก้อง
จากนั้น ตูน บอดี้สแลม ได้วิ่งผ่านบริเวณสามแยกยายม่อม พื้นที่ ต.แม่รำพึง ซึ่งมีนักเรียนกว่า 400 คนและประชาชนร่วมกันจัดกิจกรรม “ก้าวเปลี่ยนชีวิต “ เป็นบิ๊กเซอร์ไพรซ์ความยาวกว่า 500 เมตร เพื่อต้อนรับและให้กำลังใจคณะวิ่ง โดยตูน บอดี้สแลม ได้วิ่งผ่านซุ้มธงโครงการเพียงคนเดียว และวิ่งผ่าน 4 กิจกรรม เพื่อทักทายกับนักเรียนและประชาชนอย่างใกล้ชิด ขณะที่ผู้ประสานงานโครงการก้าวคนละก้าวได้ชื่นชมการทำงานกลุ่มอาสาสมัครดูแลพี่ตูนตามแนวทางของบางสะพานโมเดล และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประชาชนที่รอต้อนรับเพื่อถ่ายภาพและสมทบทุน ทำให้การวิ่งของ “ตูน บอดี้สแลม “ สามารถทำเวลาได้ตามกำหนดทุกเซ็ตระยะทาง 50 กิโลเมตร
นายแพทย์เชิดชาย ชยวัฑโฒ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางสะพาน กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมก้าวเปลี่ยนชีวิตจะมี 4 สถานีที่เป็นตัวแทนที่สื่อถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการกิจกรรมการวิ่งโครงการก้าวคนละก้าว กรุงเทพ – บางสะพาน ระยะทาง 400 กิโลเมตร เมื่อเดือนธันวาคม 2559 มอบเงินรายได้ 85 ล้านบาทให้ รพ.บางสะพาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวคนละก้าว รวมทั้งการวิ่งเบตง – แม่สาย เพื่อระดมเงินบริจาค 700 ล้านบาท มอบให้ 11 โรงพยาบาล สำหรับสถานีแรกมีผู้แสดงเป็นกลุ่มเด็กที่ได้รับประโยชน์จากการซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อให้มีโอกาสในการรักษาที่ดีมีคุณภาพ สามารถฟื้นฟูได้เร็ว และในกิจกรรมนี้เมื่อหายป่วยเด็กสามารถวิ่งตามพี่ตูนได้
“กลุ่มที่ 2 เป็นกิจกรรมที่สะท้อนปัญหาของกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบันที่เป็นเด็กแว้น หรือยกพวกตีกัน เมื่อพี่ตูน วิ่งผ่านเด็กเหล่านี้จะได้รับแรงบันดาลใจเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต กลุ่มที่ 3 เป็นกิจกรรมของคนในวัยทำงานมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้สังคมสนใจการออกกำลังกาย ให้ความสนใจบุคคลที่อยู่รอบข้างด้วยความรู้ที่มีการแบ่งบันช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสโดยร่วมสมทบทุนในการสร้างเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มสุดท้ายแสดงให้เห็นถึงการดูแลรักษาสุขภาพของผ้สูงวัย เพื่อให้มีการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เป็นคนสูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรงลดภาระในการดูแลของลูกหลาน ไม่เป็นภาระของโรงพยาบาล” นายแพทย์เชิดชายกล่าว
ที่มา : มติชนออนไลน์