#แบนnotme สรุปดราม่า แฟนฟิคชันขายดี GOT7 ผกก.ซีรีส์วาย ร่วมถก

#แบนnotme สรุปดราม่า แฟนฟิคชันขายดี GOT7 ผกก.ซีรีส์วาย ร่วมถก

สรุป #แบนnotme ซีรีส์จาก GMMTV อากาเซ่ไม่พอใจแฟนฟิค GOT7 ถูกใช้หาผลประโยชน์แต่ศิลปินไม่ได้อะไร นักเขียนยันทุกอย่างเกิดจากจินตนาการ B2S ระงับการจำหน่ายทุกช่องทาง ผู้กำกับซีรีส์วายดังร่วมแสดงความเห็น

วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ธ.ค.) เกิด #แบนnotme ขึ้นบนโลกออนไลน์ หลังจากที่ “อากาเซ่” หรือกลุ่มแฟนคลับของวงบอยแบนด์ GOT7 ออกมาแบนซีรีส์วายเรื่อง “Not Me เขา…ไม่ใช่ผม” ผลงานในเครือ GMMTV นำแสดงโดยคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง “ออฟ จุมพล อดุลกิตติพร” และ “กัน อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์”

อากาเซ่ ได้สรุปดราม่าที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า แต่เดิมนิยายต้นฉบับมีชื่อว่า “Not Me เด็กถ่อยรักจริง” เขียนโดยนักเขียนนามปากกา Saisioo ซึ่งมีการหยิบยืมอิมเมจของสมาชิกวง GOT7 มาเขียนเป็นแฟนฟิคชัน (เรื่องที่แต่งขึ้นโดยใช้ฉากหรือตัวละครจากบุคคลหรือการ์ตูนที่มีอยู่แล้ว) ซึ่งนักเขียนได้ผลิตออกมาเป็นตอน และให้ตามอ่านในเว็บไซต์อ่านนิยาย ก่อนผลิตเป็นรูปแบบหนังสือและ E-book ให้จองในภายหลัง

นิยายดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มอากาเซ่ จนถูกหยิบมาทำเป็นซีรีส์ ซึ่งผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง เผยว่า #แบนnotme เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมีการเรียกร้องให้ค่ายและนักเขียนออกมาแสดงความเคลื่อนไหวต่อเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้มีการนำแฟนฟิคมาทำเป็นซีรีส์อีก อีกทั้งยังกล่าวว่าไม่เคยพาดพิงนักแสดง เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

อากาเซ่รายหนึ่ง สรุปเหตุการณ์ดราม่าระหว่างอากาเซ่และเบบี๋ (กลุ่มแฟนคลับคู่จิ้น ออฟ-กัน) ระบุว่า อากาเซ่ต้องการให้ค่ายออกมาเคลื่อนไหวต่อเรื่องดังกล่าว และไม่ได้ต้องการจะแบนนักแสดง แต่เบบี๋ไม่ต้องการให้อากาเซ่แบนนักแสดง ซึ่งมีการอธิบายซ้ำหลายครั้ง

“ฝากถึงเบบี๋ (not all) และพี่ท็อป แฟนฟิคห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์ ตัวละครมีอยู่จริง แต่นักเขียนกลับใช้ชื่อเสียงของเค้ามาหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง โดยศิลปินตัวจริงไม่ได้อะไรเลย”

“เพราะนิยาย Not Me ติดท็อป 1 ตลอด สำนักพิมพ์เลยเอามาทำเล่ม ค่ายเลยเอามาทำซีรีส์ แต่ที่ติดท็อป 1 ได้ เพราะอากาเซ่เข้าไปอ่าน ไปช่วยปั่นวิว ช่วยปั่นกระแส แต่นักเขียนเอาไปชุบตัวเองให้กลายเป็นออริจินอลไง”

นักเขียนยัน ไม่ใช่แฟนฟิค

ต่อมาด้านนักเขียนได้ออกมาแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจ Saisioo โดยสรุปใจความว่า

เมื่อประมาณห้าปีที่แล้ว นักเขียนได้นำประสบการณ์สมัยเรียนโรงเรียนช่าง มาเป็นไอเดียในการเขียนเรื่อง เด็กถ่อยรักจริง ซึ่งตัวละครทั้งหมดเป็นการสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ โดยได้ทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลประกอบในการเขียนเรื่องนี้

ซึ่งในสมัยก่อนการแปะรูปภาพในเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่นิยายออริจินอล แต่ตัวละครในเรื่องไม่เคยเป็นฟิคชันที่ใช้ชื่อศิลปินมาก่อน การแปะภาพตกแต่งไม่สามารถทำให้นิยายเปลี่ยนเป็นแฟนฟิคชันได้

พร้อมยืนยันว่าไม่ได้รู้จักศิลปินเกาหลีคนไหนเป็นการส่วนตัว เมื่อจะทำการจัดจำหน่ายก็จ้างวาดปกนิยายใหม่ ออกทุนพิมพ์ จ้างทีมพิสูจน์อักษรเอง ยืนยันว่านิยายเรื่องนี้ถูกลิขสิทธิ์ 100%

สาเหตุที่ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ นักเขียนเผยว่า รู้สึกเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอด จนต้องเข้าพบจิตแพทย์หลายครั้งและขอบคุณนักอ่านทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด

พร้อมเผยว่ากำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อปรึกษาทนายความเพื่อเป็นการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลว่านิยายเรื่องนี้ไม่ได้ผิดกฎหมายและเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ของตน

B2S ถอดนิยายทุกช่องทาง

ด้าน B2S ร้านขายหนังสือและเครื่องเขียน ได้ออกมาขอโทษต่อเรื่องดังกล่าว และได้ระงับการจำหน่ายหนังสือนิยาย Not Me เด็กถ่อยรักจริง ทุกช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป

ผู้กำกับซีรีส์วาย

ด้าน “ลิท ผดุง สมาจาร” ผู้กำกับซีรีส์ชื่อดังของไทย เคยผลิตผลงานซีรีส์วายหลายเรื่อง เช่น “SOTUS The Series พี่ว๊ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง”, “My Engineer มีช็อป มีเกียร์ มีเมียรึยังวะ” รวมถึงผลงานเรื่อง “นิติแมนแฟนวิศวะ” ที่เคยเกิดดราม่ากรณีคล้ายกัน คือการนำแฟนฟิคชันมาดัดแปลงเป็นซีรีส์วาย ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อดราม่าที่เกิดขึ้น ระบุว่า

ผมตามแท็กอยู่สักพักแล้ว #NotMeSeries #แบนnotme ผมเข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายนะครับ ผมสนใจปัญหานี้ เพราะนี่เป็นการกำหนดบรรทัดฐานใหม่ ของวงการนิยายและซีรีส์เลยครับ

สรุปคร่าว ๆ Not Me เป็นนิยาย ที่ถูกเขียนขึ้นมาจากแฟนฟิค, GMMTV นำนิยายเรื่องนี้มาผลิตเป็นซีรีส์, แฟนคลับของศิลปิน(ที่ถูกนำไปเขียนแฟนฟิค) รู้สึกว่านักเขียนและค่ายที่ผลิตไม่มีจรรยาบรรณ ที่นำอิมเมจของศิลปินไปหาผลประโยชน์, เกิดข้อโต้เถียงกันว่า นิยายเรื่องนี้สมควรนำมาทำซีรีส์หรือไม่

อันนี้ผมคิดเอง ไม่แน่ใจว่าถูกรึเปล่านะครับ GMMTV ชอบพล็อตเรื่อง จึงตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้มา โดยไม่ได้สนใจเรื่องของ image ตัวละครในนิยาย เพราะยังไงก็ใช้นักแสดงในค่ายแสดงอยู่แล้ว, GMMTV น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันมาจากแฟนฟิค แต่ที่ซื้อลิขสิทธิ์ เพราะโฟกัสที่พล็อตเรื่องที่เป็นซีรีส์ได้เป็นหลัก, ปกติ GMMTV ก็จะเอาพล็อตมา แล้วเขียนบทใหม่ ดัดแปลง และเล่าเรื่องต่อยอด

ดังนั้นน่าจะเอานิยายมาแค่พล็อต ผมเดาว่าเนื้อหาคงเปลี่ยนไปไม่ต่ำกว่า 50% (อันนี้คงต้องรอดูตอนต่อๆไปครับ), เปิดเรื่องมา ก็ขึ้นข้อความ “ตัวละคร พฤติกรรม… เป็นเรื่องสมมติ… โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม” เพื่อเป็นการยืนยันว่า GMMTV ตีความตัวละครและเนื้อหาขึ้นมาใหม่ จากประเด็นเหล่านี้ GMMTV จึงลอยตัว เพราะซื้อลิขสิทธิ์พล็อตมาทำซีรีส์อย่างถูกต้อง

คำถาม สำหรับแนวทางในอนาคต ถ้าชอบพล็อตเรื่องของนิยายที่มาจากแฟนฟิค ผู้ผลิตควรทำอย่างไร?
ก. ซื้อลิขสิทธิ์เฉพาะพล็อตเรื่อง (ทำแบบนี้ได้ไหม?)
ข. ห้ามนำมาผลิตเป็นซีรีส์เลย ไม่ว่ากรณีใดๆ
ค. เอาพล็อตมา แล้วเขียนใหม่ ดัดแปลงใหม่ เปลี่ยนตัวละครใหม่ ตั้งชื่อเรื่องใหม่ โดยไม่ขอซื้อลิขสิทธิ์
ง. อื่นๆ โปรดอธิบาย

ข้อควรระวัง
– ในอนาคต หากค่ายไหนเห็นแฟนฟิคที่พล็อตดี ๆ เขาจะขโมยไอเดียพล็อตเรื่องนั้นมาทำซีรีส์เลยดีกว่า เพราะถ้าติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ อาจจะมีดราม่าเรื่องการเอาแฟนฟิคมาหาผลประโยชน์
– เอาพล็อตมาคร่าวๆ แต่เปลี่ยนการเล่าเรื่องใหม่ เปลี่ยนตัวละครใหม่ เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ ก็ไม่ถือว่าผิดลิขสิทธิ์หรือขโมยงานแล้ว แต่ที่ GMMTV ทำ คือไปขอซื้อให้ถูกต้อง ทำตามจรรยาบรรณในการผลิต

ประเด็นในการเขียนนิยาย
– จุดเริ่มต้น มีไอดอลบางคนเป็นแรงบันดาลใจ
– เขียนเนื้อหาจากจินตนาการและหาข้อมูลเองทั้งหมด
– เขียนจากแฟนฟิคไปสักพัก จึงมีคนแนะนำให้ลบภาพแฟนฟิคออก แล้วทำตัวละครขึ้นมาใหม่เลยดีกว่า
– นักเขียนจึงทำตามนั้น ชุบตัวนิยายขึ้นมาใหม่
– แน่นอน มีกลิ่นอายของไอดอลที่ชอบผสมอยู่ (เพราะเป็นแรงบันดาลใจ)

คำถาม เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้นักเขียนควรทำอย่างไร
ก. ต้องยอมรับว่าไม่สามารถรีไรต์ หรือชุบตัวละครได้ เพราะเริ่มจากแฟนฟิค ก็ต้องเป็นแฟนฟิคต่อไป ให้นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเท่านั้น ห้ามนำไปหาผลประโยชน์ต่อ
ข. พยายามแก้ไขตัวละคร รีไรต์ให้เป็นตัวละครใหม่ทั้งหมดให้ได้ ชี้แจงกับนักอ่านแต่เนิ่น ๆ ว่าไม่ได้ใช้อิมเมจของศิลปินคนใด ถ้ายังมีอิมเมจติดค้างอยู่ ก็ให้แก้ไขตัวละครนั้นให้ต่างอย่างสิ้นเชิง
ค. อื่น ๆ โปรดอธิบาย

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ
ตัวผมเองก็จะได้ระวัง และหาแนวทางในการผลิตงานซีรีส์ในอนาคตด้วยครับ