ยุคเรตติ้งคือพระเจ้า..คำแสลงวงการบันเทิง”ตัดจบละคร” มาตรการเยียวยาละครไร้กระแส

เรื่องโดย ปอ ท่าแซะ

ลือสนั่น วิก 3 ตัดจบละคร “สายลับจับแอ๊บ” เหตุเรตติ้งร่วงแพ้ละครรีรัน

“ตัดจบละคร” เป็นศัพท์เฉพาะในวงการบันเทิง ที่ผู้ชมละครทางจอแก้ว หลายคนคุ้นเคยกันดี นั่นคือ การที่ผู้ใหญ่ของช่องนำมาใช้กับ ละครที่เรตติ้งไม่ดี ไร้กระแส หากปล่อยให้ฉายออกไปจะทำให้เรตติ้งทั้งผังทรุด เพราะถือเป็นพื้นที่ใหญ่ จำนวนชั่วโมงออนแอร์สูง ค่าโฆษณาแพง

ดังนั้นการกระชับพื้นที่ให้ละครเรื่องไม่ดัง อวสานก่อนกำหนด เป็น “มาตรการขั้นเด็ดขาด” ที่สถานีนำมาช่วยเยียวยาไม่ให้สถานการณ์ของช่องย่ำแย่ไปกว่าเดิม และรีบนำละครเรื่องใหม่ มาฉายต่อทันที

“วิกหมอชิต” นั้นถูกยกจากกลุ่มคนดูว่าเป็นต้นตำรับการใช้กลยุทธ์นี้ ซึ่งแต่ละครั้งก็เกิดดราม่าขึ้น โดยเฉพาะผู้จัดละคร ที่ไม่อยากให้ผลงานของตัวเองถูกตัดตอนลง นอกจากจะทำให้อรรถรสการรับชมขาดความต่อเนื่อง ยังมีผลทางจิตวิทยากับคนดูด้วยเช่นกัน

“การตัดจบ” ที่ถือเป็นตำนานของละครไทย เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2547 กับละครเรื่อง “หลังคาแดง” ของค่าย คลิก เทเลวิชั่น โดยผู้จัด – ผู้กำกับ “ตั้ว” ศรัณยู วงษ์กระจ่าง แม้จะมีนักแสดงนำระดับแม่เหล็ก คือ “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ และ “ยุ้ย” จีรนันท์ มะโนแจ่ม

แต่เมื่อละครถึงตอนอวสาน ก็เกิดเสียงวิจารณ์สนั่น เพราะเดินเรื่องแบบฉับไว จนตามไม่ทัน เนื้อเรื่องโดดไปมา จนขัดใจและคาใจคนดูสุดๆ สาเหตุตอนนั้น ถูกวิเคราะห์วิจารณ์กันว่ามาจาก การนำเสนอแบบ “ละครเวที” ไม่ถูกจริต “คอละครวิกหมอชิต” ส่งผลให้ “เรตติ้งไม่สูงพอที่จะออนแอร์ต่อได้” กลายเป็น หนึ่งในกรณีศึกษาของวงการละครไทย

จากนั้นก็มีการ “ตัดจบละคร” แบบไม่เป็นข่าว หรือ เนียนมากขึ้นในอีกหลายเรื่อง เมื่อผู้ใหญ่เห็นว่าเรตติ้งไม่สูงพอ ก็มีรูปแบบการตัด 1 – 2 ตอน เช่น จาก 16 เหลือ 14 ตอน , จาก 15 เหลือ 13 ตอน แล้วแต่วาระ และจังหวะของการออกอากาศ

ไม่แต่เฉพาะช่อง 7 เพราะ “ช่องวัน 31” ก็เคยทำแบบนี้มาแล้วกับ ละคร “สงครามนางงาม 2” ระหว่างออกอากาศ คนดูรู้สึกว่าเรื่องเดินทางมาได้ประมาณครึ่งเรื่อง ก็มีการโปรโมท ละคร “พิษสวาท” จะออกอากาศต่อในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า นับนิ้วไปมา เหลืออีก 3 ตอนเท่านั้น

ปรากฏว่า เนื้อเรื่องอีกมหาศาล ก็ถูกตัดต่อจับยัดลงละคร 3 ตอนได้สำเร็จ ดูกันแบบก้าวกระโดด ไวกว่า 4G ดราม่าที่ผูกไว้ต้นเรื่อง ก็คลายปมง่ายประดุจปอกกล้วย เดินเรื่องแบบรีบลาจอเปิดทางให้ พิษสวาท กวาดเรตติ้งแทน

ปัญหาละครตัดจบมา “ดราม่า” แบบใหญ่โตอีกครั้งหนึ่ง กับ ละครของผู้จัดเจ้าเก่า “ตั้ว” ศรัณยู ที่ทำเอาแฟนละคร อ้าปากค้างหน้าจอแบบคมชัดระดับ HD กับละครเรื่อง “บัลลังก์หงส์” ที่นำแสดงโดย “ไมค์” ภัทรเดช สงวนความดี และ “ใบเฟิร์น” พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ด้วยตอนจบสุดอึ้ง กับการขึ้นภาพพร้อมข้อความประกอบ คล้ายกับการ ฉายสไลด์ Powerpoint บอกจุดจบของตัวละครแบบนี้

หลังเกิดฉากจบในตำนานนี้ เกิดเสียงวิจารณ์ ถึงความไม่สมบูรณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่า ผู้จัดอย่าง ตั้ว ศรัณยู ออกแถลงการณ์ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าต้องการขอเพิ่มตอน แต่ช่อง 7 ไม่อนุมัติ จึงต้องหาทางออกแบบนี้ก็ไม่ทำให้กระแสทางลบลดลง แฟนละครยังเข้ามาตำหนิ ว่าเป็นปัญหาของผู้จัดเองที่ไม่สามารถ ตัดต่อละครให้ได้จำนวนตอนตามที่ช่องอนุมัติ ประกอบกับการดำเนินเรื่องในช่วงแรกอืดอาด กระจายบทบาทให้นักแสดงรองบางคนมากเกินไป ทำให้มีการวิจารณ์ว่าละครเรื่องนี้ ไม่เข้าข่ายการตัดจบ แต่เป็นการจบไม่ลงเอง

ข้ามมาที่ฝั่ง “ช่อง3” เคยเกิดเหตุการณ์ละครต้องอวสานลงแบบ “จบดื้อๆ” ไม่ออกอากาศตอนที่เหลือ ซะอย่างนั้น ในละคร “เหนือเมฆ 2” ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์ นำแสดงโดย “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ และ “มิ้นต์” ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง ออกอากาศเมื่อปี 2555

ละครเรื่องนี้ถูกถอดจากผังกลางอากาศ ทั้งที่ยังเหลืออีก 3 ตอน โดยคนดูไม่ได้ดูตอนจบ ถือเป็นละครเรื่องแรก ที่ไม่ฉายตอนจบของช่อง 3

หลังเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น เกิดเสียงวิจารณ์ร้อนแรงของคนดู และโลกออนไลน์ ที่มองว่า มีปัญหา “การเมือง” เข้าแทรกแซง เพราะละครเรื่องดังกล่าว มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ในหลายวงการ สะท้อนความจริงแบบถึงพริกถึงขิง จนอาจกระทบใจใครบางคน

และกลายเป็นปริศนาว่าเกิดอะไรขึ้นกับกรณีนี้ เพราะทางสถานี ตลอดจนนักแสดง และผู้จัดค่ายเมตตามหานิยม โดย “นก” ฉัตรชัย เปล่งพานิช ก็ไม่ยอมปริปากถึงสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้คืออะไร?

ก่อนจะมาถึงดราม่าล่าสุด กับละคร “สายลับจับแอ๊บ” ที่ช่อง 3 หวังเอามากู้เรตติ้งในคืนวันพุธ – พฤหัสบดี ที่ร่วงหนัก หลังถูกคู่แข่งอย่าง Workpoint ส่ง 2 รายการ I Can See You Voice นักร้องซ่อนแอบ และ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง มาแย่งเรตติ้ง

แม้ละครเรื่องนี้จะได้พระเอกเบอร์ต้นของช่อง “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ประกบกับ นางเอกดาวรุ่ง “แพทริเซีย” ธัญชนก กู๊ด และพล็อตเรื่องทันสมัย แนววัยรุ่น ที่สาวๆต้องมาตามสืบว่า ผู้ชายคนไหนเป็นเกย์ แถมยังมีหนุ่มๆหน้าใส มาสวมบทบอยแบนด์ สไตล์เกาหลี หวังชิงเรตติ้งจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่กลายเป็นว่า “ไม่โดนใจคนดูอย่างแรง” กระแสนิ่งเงียบ แฟนละครรุ่นเก่า ก็อาจตามไม่ทันพล็อตเรื่องสดใหม่ ส่วนคนรุ่นใหม่ ก็อาจไม่ได้ดูผ่านจอแก้ว ทำให้เรตติ้งร่วงลงต่ำกว่า 2 เป็นครั้งแรกของวิกพระราม 4 ยิ่งวันพฤหัสที่ชนกับ “หน้ากากนักร้อง” ก็ร่วงหนัก บางวันถึงขั้นพ่ายให้กับ “ละครรีรัน” ตอนบ่ายของช่องตัวเองด้วยซ้ำ

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสข่าวหนาหูลือกันไปว่า “ช่อง3” ตัดสินใจ ใช้มาตรการโหด “ตัดจบละคร” ขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก จากเดิม 16 ตอนหั่นเหลือ 12 ตอน แม้นักแสดงและทางช่องยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธในเรื่องนี้ แต่แฟนช่อง 3 จับสังเกตได้จากการเลื่อนวันออกอากาศของละครเรื่องใหม่ให้เร็วขึ้น

อย่างละครเรื่อง “เพลิงบุญ” แนวชิงรักหักสวาท ที่ได้พระเอกสุดฮอต “ป้อง” ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ประกบ “เบลล่า” ราณี และ “เจนี่” เทียนโพธิ์สุวรรณ ในบทเมียน้อย มาเรียกเรตติ้งกลับมา เชื่อว่า อุณหภูมิหน้าจอจะร้อนแรงมากขึ้น

“มาตรการตัดจบละคร” ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อ “วงการทีวี” เป็นสนามแข่งขันที่รุนแรง ไม่มีใครยอมเป็นผู้ตาม หรือ เสียคนดู เพราะผลตอบรับที่แข่งกันนาทีต่อนาที เม็ดเงินที่มีมูลค่าสูง และยิ่งช่วงเวลาออกอากาศของละคร ถือเป็น ซูเปอร์ไพร์มไทม์ ไม่มีที่ว่างให้กับผู้แพ้ และเชื่อว่า “มาตรการ” นี้จะเกิดขึ้นอีกแน่นอน ถ้าละครเรื่องนั้นไม่โดนใจคนดู!!!