ข้อดี-ข้อเสียของ Fruitarian Diet ควบคุมอาหารด้วยการทานแต่ผลไม้

การทานอาหารแบบ “มังสวิรัติ” เป็นการทานอาหารรูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมแพร่หลาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงความเชื่อทางศาสนา ซึ่งคำว่า “มังสวิรัติ” มีที่มาจากคำว่า “มังสะ” ที่แปลว่าเนื้อสัตว์ รวมกับคำว่า “วิรัติ” ที่แปลว่าการงดเว้น เมื่อรวมกันแล้ว คำว่ามังสวิรัติจึงมีความหมายว่าการงดเว้นเนื้อสัตว์ หรือหมายถึงผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ตรงกับคำว่า “vegetarianism” หรือ “vegetarian” ในภาษาอังกฤษ


การทานอาหารแบบมังสวิรัติมีหลายรูปแบบ แบบหนึ่งที่เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยคือการกิน “เจ” ซึ่งเป็นการงดทานเนื้อสัตว์ที่สมบูรณ์แบบ ไม่บริโภคแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ ไม่ว่าเป็นไข่ หรือนม ฯลฯ และเน้นไปที่การบริโภคอาหารที่ทำจากแป้ง หรือผักเท่านั้น คล้ายคลึงกับการทานอาหารแบบ “วีแกน” (vegan) ในภาษาอังกฤษ ต่างกันตรงที่การกินเจนั้น จะงดเว้นแม้กระทั่งผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม ฯลฯ รวมถึงการงดทานอาหารรสจัดทุกประเภท

นอกจากนั้น ยังมีคนอีกมากมายที่ทานอาหารแบบจำเพาะเจาะจงลงไปกว่านั้นอีก คือ เลือกหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์โดยการรับประทานแต่ผลไม้เท่านั้น ซึ่งเราจะเรียกคนเหล่านี้ว่า ฟรุตทาเรียน (fruitarian) บางคนสุดโต่งถึงขั้นเลือกทานเฉพาะผลไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นเท่านั้น เพราะมีความเชื่อว่าต้นไม้ก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น (ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์ Notting Hill อาจจะคุ้นเคยประเด็นนี้อยู่บ้าง)

บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนก็เลือกดำรงชีวิตอยู่โดยการรับประทานแต่ผลไม้ เช่น ลีโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) อัจริยบุคคลชาวอิตาลี, มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi) ผู้นำและนักการเมืองชาวอินเดีย หรือแม้กระทั่ง สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) นักประดิษฐ์และผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล รวมถึง แอชตัน คุตเชอร์ (Ash-ton Kutcher) นักแสดงที่รับบทเป็นสตีฟ จ็อบส์ ในภาพยนตร์เรื่อง “Jobs” ซึ่งในรายสุดท้ายนี้จบลงด้วยการนอนโรงพยาบาล

อ้างอิงข้อมูลจากบทความ “This Is What Happens to Your Body When You Eat Nothing But Fruit” ที่เผยแพร่ใน Yahoo Lifestyle เขียนโดย ซาราห์ ยัง (Sarah Yang) นั้น ระบุว่า มีความเข้าใจที่หลากหลายเกี่ยวกับการควบคุมอาหารโดยการทานแต่ผลไม้ การทานแต่ผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของการทานอาหารแบบมังสวิรัติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง โดยจะเลือกรับประทานผลไม้ราว 75% และอีก 25% ที่เหลือเป็นถั่วและธัญพืชร่วมกับการทานผักอื่น ๆ ในบางราย จะเลือกรับประทานเฉพาะผลไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นเท่านั้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งใดใดในโลกล้วนมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย การควบคุมอาหารโดยการเลือกทานแต่ผลไม้ก็เช่นกัน

ข้อดี

แน่นอนว่าผลไม้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม เส้นใยอาหาร วิตามินซี หรือโฟเลต นอกจากนั้น การทานผลไม้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคบางชนิด รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย เหล่าฟรุตทาเรียน (ผู้ทานแต่ผลไม้)

หลายคนระบุว่า การทานแต่ผลไม้นั้นทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีขึ้นในทุกด้านทั้งทางด้านจิตใจ ร่างกาย และอารมณ์ และเนื่องจากการที่เราเลือกรับประทานแต่ผลไม้เป็นหลัก ทำให้ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักไปในตัวด้วย

ข้อเสีย

การควบคุมอาหารด้วยการทานแต่ผลไม้ค่อนข้างมีข้อจำกัดด้านคุณค่าทางโภชนาการจึงอาจก่อให้เกิดโรคขาดสารอาหารได้ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และโภชนาการหลายท่านจึงไม่แนะนำให้ควบคุมอาหารด้วยวิธีการดังกล่าว ลอร่า เจฟเฟอร์ส (Laura Jeffers) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกเคลฟแลนด์ (The Cleveland Clinic) ระบุว่า เหล่าฟรุตทาเรียนมีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร หรือการขาดวิตามินบี 12 แคลเซียม วิตามินดี ไอโดดิน และกรดไขมันโอเมกา 3 ซึ่งอาจนำไปสู่โรคโลหิตจาง มีอาการอ่อนเพลีย เซื่องซึม มีภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ และการได้รับแคลเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอยังเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนด้วย

นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าน้ำตาลในผลไม้จะเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็มากพอที่จะเป็นสาเหตุของโรคยอดนิยมอย่างเบาหวาน โรคฟันผุ หรือทำให้น้ำหนักเกินได้ ดังนั้น การควบคุมอาหารด้วยวิธีนี้จึงอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือมีปัญหาด้านตับและไตอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของแต่ละคนล้วนมีสภาพเป็นปัจเจก บางคนเลือกทานเฉพาะผักผลไม้ ก็สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ แต่ในบางรายอย่างนักแสดงแอชตัน คุตเชอร์ ที่ต้องนอนโรงพยาบาล ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกควบคุมอาหารด้วยวิธีการทานแต่ผลไม้ คุณอาจลองปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะในรายที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เนื่องด้วยการควบคุมอาหารด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างสุดโต่ง จึงควรคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน

ถึงกระนั้น เราไม่จำเป็นต้องทดลองทุกอย่างที่ได้รับรู้มา การดำรงชีวิตและการเลือกรับประทานอาหารที่มีความสมดุลก็อาจจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดก็เป็นได้