Miss Siam เพียบพร้อมด้วยอาหารไทยหน้าตาดี รสชาติอร่อย

เราอยู่ในกรุงเทพฯ อยู่ในเมืองไทย แต่คุณผู้อ่านรู้สึกเหมือนกันไหมว่า ตอนนี้เราหาร้านอาหารไทยกินยากกว่าหาร้านอาหารญี่ปุ่นซะอีก โดยเฉพาะถ้าอยากหาร้านอาหารไทยภาคกลางที่นำเสนอเมนูอาหารไทยย้อนยุค หรือร้านที่เป็นแนว traditional หน่อยก็ยิ่งหายากขึ้นไปอีก

ถ้าใครมองหาร้านอาหารไทยตามโจทย์ที่ว่ามา “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” ขอแนะนำห้องอาหาร “มิสสยาม” (Miss Siam) ห้องอาหารประจำโรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ กรุงเทพฯ ซึ่งมีอาหารไทยหน้าตาดี ๆ รสชาติมั่นใจได้ ไม่ว่าจะสำหรับคนไทยกินเอง หรือจะเป็นร้านรับแขก พาเพื่อน-ลูกค้าต่างชาติไปกินก็ไม่ขายหน้า ที่สำคัญราคาเป็นมิตร และอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วย

ทางโรงแรมให้ข้อมูลว่า ห้องอาหารเพียงหนึ่งเดียวของโรงแรมห้องนี้ได้หยิบยกเรื่องราวตำนานต้นตำรับสำรับไทย และมนต์เสน่ห์อันงดงามของความเป็นไทยมาบอกเล่าผ่านสำรับอาหารคาวหวานอันหลากหลายในสไตล์ดั้งเดิม

ชื่อห้องอาหาร “มิสสยาม” มีที่มาจากชื่อสายพันธุ์ดอกบัวไทยที่มีกลีบดอกสีชมพูสดเรียงซ้อนกันอย่างสวยงาม และอีกนัยหนึ่ง ถ้าแปลตรงตัว “มิสสยาม” สื่อถึงกุลสตรีไทยชั้นสูงในอดีตที่มีความงดงาม อ่อนช้อย และเพียบพร้อมด้วยเสน่ห์ปลายจวัก เหมือนกันกับห้องอาหารมิสสยามที่ต้องการนำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทย โดยรังสรรค์อาหารด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้อาหารจานที่สมบูรณ์ที่สุด

ห้องอาหารมิสสยามตั้งอยู่ชั้น 1 ของโรงแรม ติดกับสระน้ำที่มีต้นไม้ปกคลุมให้บรรยากาศร่มรื่น ถ้าใครอยากนั่งตากอากาศรับลม ฟังเสียงน้ำไหลก็เลือกนั่งโต๊ะด้านนอกได้ ส่วนภายในก็ให้ความรู้สึกโล่ง เพราะมีกระจกถึง 3 ทิศ การตกแต่งเรียบหรู โดดเด่นด้วยกระเบื้องปูพื้นสีดำลายดอกไม้สีขาว เป็นสไตล์ที่คุ้นตาตามบ้านผู้ลากมากดียุคก่อน ประดับตกแต่งด้วยข้าวของไทย ๆ ย้อนยุคอย่างปิ่นโตลายเบญจรงค์ ชฎา เชิงเทียน พานทองเหลือง

อาหารที่ห้องอาหารมิสสยามนำเสนอให้ทีมงานของเราชิมมีทั้งหมด 5 เมนู ซึ่งแต่ละเมนูอัดแน่นทั้งปริมาณและคุณภาพ

“ของว่างรวมสาวสยาม” ของว่างรวมมิตร ประกอบด้วยสะเต๊ะรวมที่ราดน้ำจิ้มและน้ำกะทิมาให้แล้ว เสิร์ฟมาบนพานใหญ่ที่มีปูห่อ เปาะเปี๊ยะปู ประทัดลม ค้างคาวเผือกเคียงกันมา นอกจากนั้นก็ยังมีปากหม้อใส่ไก่และกุ้งห่มสไบแยกมาในพานเล็กอีก แค่ชิมเซตของว่างเซตนี้ให้ครบทุกอย่างก็เกือบอิ่มแล้ว

“ข้าวผัดปลาทูหอม” ข้าวเมล็ดสวยผัดคลุกเคล้ากับปลาทูหอม ๆ และใบคะน้าหั่นเป็นเส้นเล็ก ๆ ปรุงรสด้วยน้ำปลาให้กลิ่นแบบครัวไทย เพิ่มรสชาติและกลิ่นด้วยพริกจินดาแห้งเม็ดเล็กที่ผ่านการคั่วให้มีกลิ่นหอม ข้าวผัดถูกเสิร์ฟมาในกรวยใบตองครอบคว่ำหน้าลง ให้ลูกค้าเปิดกรวยด้วยตัวเอง หน้าตาก็สวย รสชาติก็ดี แค่ข้าวผัดก็อร่อยแล้ว ยิ่งทานกับปลาสลิดทอดและไข่ดาว และซดน้ำซุปไก่เพิ่มความคล่องคอก็เข้ากันดี๊ดี

“เมี่ยงปลามิสสยาม” ปลากะพงทอดกรอบ ๆ โรยหน้าด้วยใบชะพลูหั่นฝอย และเม็ดมะม่วงหิมพานต์หอม ๆ กรอบ ๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำเมี่ยงที่เต็มไปด้วยสมุนไพร เป็นอีกเมนูที่กินเล่นก็เพลิน กินกับข้าวก็ดี

“แกงเผ็ดปูใบชะพลู” เนื้อปูชิ้นโต มาในน้ำแกงรสชาติเข้มข้น หอมใบชะพลูอบอวล กินกับเส้นหมี่ลวกที่เสิร์ฟมาคู่กัน อร่อยกลมกล่อมกำลังดี เชฟให้ข้อมูลว่า เมนูนี้เลือกใช้พริกแกงเผ็ด เพื่อให้รสชาติเข้มข้น แล้วเพิ่มสีเหลืองด้วยขมิ้นสดโขลกละเอียด ราดหน้าด้วยกะทิเพิ่มรสชาติและความสวยงาม

“พล่าเนื้อมะเขืออ่อน” เนื้อย่างแบบมีเดียม หั่นชิ้นพอดีคำ ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงพล่า รสชาติเผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม ครบรส เสิร์ฟคู่กับผักสดให้กินตัดรสชาติกันไป

ปิดท้ายด้วยของหวาน เมนู “รวมขนมไทย” ซึ่งจะมีขนมยืนพื้นที่ทำทุกวัน และขนมที่ทำสลับหมุนเวียนแต่ละวันให้ลุ้นว่าจะได้กินอะไร สำหรับวันที่เราไปชิมนั้นมีข้าวเหนียวสังขยา หม้อแกง ฝอยทอง ทองหยอด ขนมมัน ขนมกล้วย ฟักทองสังขยา ทองม้วนกรอบ ขนมชั้นที่ห่อมาในใบตอง และพุทราเชื่อม ปิดท้ายการกินคาวแล้วกินหวานอย่างสมบูรณ์แบบ

5 เมนูนี้แค่ตัวอย่างเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีเมนูให้เลือกอีกมากมาย เอาเป็นว่าเราขอแนะนำว่า ห้องอาหารมิสสยามเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่มองหาอาหารไทย การันตีคุณภาพด้วยการที่มีโอกาสจัดสำรับพระกระยาหารถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาแล้ว

หมายเหตุ : ห้องอาหารมิสสยาม เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. ถ้าสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2217-0777