“ยังทำฟาร์ม” ไอเดียพื้นที่ชุมชน-ขายพิซซ่าแป้งข้าว สู้โควิด

จากแนวคิดอยากเปลี่ยนพื้นที่สวนดั้งเดิมของตระกูลให้เป็นชุมชน รวมคนที่มีความคิดคล้ายกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนสู่สังคม “สุภาวดี สุวรรณฤทธิ์” ได้แปลงสวนสมรม (การปลูกพืชหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน ที่สามารถพึ่งพากันและกันได้) ขนาด 7 ไร่ ใน จ.นครศรีธรรมราช มาเป็นขนำเล็กๆ ซึ่งเป็นที่พักและร้านอาหาร ในชื่อ “ยังทำฟาร์ม”

“สุภาวดี” เล่าที่มาของชื่อ “ยังทำฟาร์ม” ว่า เกิดจากเวลามีคนถามว่า “ตอนนี้ทำอะไรอยู่” แล้วตนตอบไปว่า “ยังทำฟาร์ม” เมื่อต้องตอบคำถามบ่อยๆ เข้า เลยเอามาตั้งเป็นแบรนด์เสียเลย

“เดิมอยากให้เป็นจุดนัดพบของเพื่อนฝูงเท่านั้น ใครอยากมากินกาแฟก็จะมีกล่องหยอดกระปุกเป็นค่ากาแฟแทนการขายหรือเปิดร้านอย่างจริงจัง แต่เมื่อทำๆ ไปก็กลายเป็นร้านอาหารเล็กๆ และจำหน่ายเครื่องดื่ม ขนม อาหารจานเดียว และพิซซ่า ที่เราใช้สูตรการทำจากแป้งข้าวพื้นบ้านและวัตถุดิบที่หาได้ในสวน โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ มาปรุงแต่ง” สุภาวดีกล่าวและว่า

พิซซ่าของ “ยังทำฟาร์ม” ทำจากแป้งข้าวพื้นบ้าน โดยใช้ข้าวที่มีอยู่ในท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช เช่น ข้าวไร่ ข้าวลูกลาย ข้าวช่อหลุมพี จากอำเภอปากพนัง มาบดเป็นแป้งพิซซ่า ส่วนซอสนั้นมาจากการคิดสูตรของตนเอง คือ ชอบรสชาติไหนก็ทำกินแบบนั้น ขณะที่หน้าของพิซซ่า ใช้ผักที่ปลูกรอบๆ ขนำ มาแต่งหน้า ออกมาเป็น พิซซ่าจากสิ่งที่มีอยู่รอบตัว

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงมีแนวคิดทำอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยไม่พึ่งพาสารเคมี เจ้าของ “ยังทำฟาร์ม” เล่าว่า เคยทำงานในมูลนิธิเกษตรกรรมธรรมชาติ ทำให้ซึมซับกับการทำงาน วิธีการคิดที่จะอยู่กับธรรมชาติ จึงตั้งใจกลับมาหาอะไรทำที่บ้านเกิด เป็นที่มาของร้านเล็กๆ ที่พยายามไม่ใช้สารเคมีในการปรุงอาหารเป็นหลัก จนกลายเป็นที่ติดอกติดใจของหลายคน

สำหรับแป้งพิซซ่าจากข้าวพื้นบ้าน เกิดจากการเคยทำงานในมูลนิธิ จากโปรเจ็กต์การนำแป้งข้าวมาทำเป็นเบเกอรี่ชนิดต่างๆ จึงคิดว่าน่าจะลองเอามาทำเป็นแป้งพิซซ่าได้ด้วย

โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวที่มีอยู่ในท้องถิ่นบ้านเรา บางชนิดหาได้ยาก และไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก จึงลองเอามาทำเป็นแป้งพิซซ่า อย่าง ข้าวหัวบอน ซึ่งจะมีกลิ่นของเผือกผสมอยู่ในเมล็ดข้าวด้วย ก็ลองมาทำเป็นแป้งพิซซ่าและปรับปรุงสูตรมาเรื่อยๆ

ส่วนซอสพิซซ่าจะใช้โหระพา พริกไทย ผักพื้นบ้านต่างๆ มาผสมเป็นตัวซอส และใช้แต่งหน้าพิซซ่า อบด้วยเตาที่ปั้นขึ้นมาเอง ใช้ถ่านจากไม้ฟืนรอบบ้าน

ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวและใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย ประกอบกับรสชาติที่อร่อยจึงเป็นที่ติดอกติดใจของหลายคน สวนกระแสวิกฤตโควิด-19 ที่หลายๆ ร้านอาจต้องปิดตัวลง แต่ “ยังทำฟาร์ม” กลับขายดีจนเจ้าของร้านยังงงและไม่เคยคิดมาก่อน

“สุภาวดี” เผยเคล็ดลับด้วยว่า อาจเพราะเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสด้วย พยายามพูดคุยกับลูกค้า แต่ด้วยกำลังการผลิตที่ทำแบบพอเพียงไม่ได้เป็นเชิงพาณิชย์มากนัก ผลิตตามวัตถุดิบที่มีอยู่ในแต่ละวัน หากหมดแล้วก็หยุดขายไม่ได้ทำเพิ่ม บางครั้งลูกค้ามาที่ร้านก็ไม่ได้รับประทานด้วยซ้ำ

โดยในแต่ละวัน “ยังทำฟาร์ม” มีกำลังผลิตพิซซ่าประมาณ 25-30 ถาด ช่วงวันหยุดหรือเสาร์-อาทิตย์ อาจต้องจองล่วงหน้า ถึงจะได้กินพิซซ่าแป้งข้าวพื้นบ้านจากที่นี่

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เช่น กาแฟสด น้ำผลไม้จากสวน เบเกอรี่จากแป้งข้าวที่หมุนเวียนไปในแต่ละวัน และอาหารจานเดียวอย่าง “ข้าวหน้าอวน” ซึ่งเป็นข้าวราดหน้าด้วยปลา ไก่ และหมูหมัก (แบบการทำปลาส้มของภาคใต้) ทำให้ที่นี่คงเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องการทำอาหารกินเอง เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อนและได้กินของอร่อย

“อยากให้ที่นี่เป็นชุมชนของคนที่คิดอยากแบ่งปันความรู้ด้านต่างๆ สู่สังคมด้วย โดยทุกต้นเดือนจะมีตลาดนัด หรือเรียกว่า หลาดนัด (ภาษาถิ่นใต้) ชื่อว่า “ยังหลาด” หรือยังมีตลาด ให้คนในชุมชนรอบบ้าน เพื่อนๆ มาขายของพื้นบ้าน เล่นดนตรี สอนการทำงานฝีมือ หรือสอนทำขนมกันที่นี่ และขนำที่มีอยู่ก็จะให้อาสาสมัครซึ่งบางครั้งเป็นชาวต่างชาติมาช่วยทำงานแลกกับที่พักและอาหาร

“ยังทำฟาร์ม” จึงไม่ใช่แค่เป็นเพียงร้านอาหารเล็กๆ กลางสวนสมรม แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถมาร่วมแบ่งกันเพื่อคนอื่นๆ จะได้มีความรู้ด้านต่างๆ ใครทำขนมเป็น ใครเล่นดนตรีได้ ก็มาแบ่งกันช่วยคิดช่วยสอน เรียนรู้กันไป

ประชาชาติธุรกิจ นำเสนอซีรีส์ “รวมพลังสู้ โควิด-19” ภายใต้เนื้อหาที่มาจากประชาชน นักคิด นักเขียน ผู้รู้ นักธุรกิจ สตาร์ตอัพ ผู้ประกอบการทุกระดับ ที่นำเสนอแนวคิด ความรู้ และทางออกจากปัญหาไปด้วยกัน

ภาพจากเฟซบุ๊ก ยังทำฟาร์ม