สัญญาปีศาจ ถ้าอยากจะลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมในวันเดียว !

จากหนังสือ รู้งี้ผอมไปนานแล้ว สำนักพิมพ์มติชน
โดย โค้ชเป้ง สาธิก ธนะทักษ์

หากใครต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน วันนี้ผมมีวิธีที่จะลดน้ำหนักได้มากกว่า 10 กิโลกรัมใน 1 วันมาฝาก แต่ก่อนจะไปพูดถึงวิธีการนั้นผมอยากถามคุณว่า

“ผลลัพธ์หรือวิธีการอะไรสำคัญกว่ากัน ?”

ถ้าใครตอบว่า ผลลัพธ์สำคัญกว่าแน่นอน ผมก็อยากให้ลองไปหาหนังเรื่อง Bedazzled มาดูกัน เนื้อเรื่องของมันจะว่าด้วยพระเอกที่อยากให้สาวมารักแต่ไม่มีหนทาง เขาจึงตกลงทำสัญญากับปีศาจ โดยที่ปีศาจสาวเจ้าเล่ห์จะมีพร 7 ประการมาเสนอให้แลกกับวิญญาณของเขาเป็นการตอบแทน และจะทำให้พรทุกข้อที่เขาขอเป็นจริง

หนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักเร่งด่วนอย่างไร ?

ผมอยากให้ลองคิดดูว่าผลลัพธ์สำคัญกว่าวิธีการจริงหรือไม่ เช่น บางคนอาจจะอยากลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุดในเวลาที่เร็วที่สุด และถ้าโจทย์เป็นเช่นนี้ การกินอาหารให้ถูกสุขลักษณะและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอย่อมไม่สามารถตอบโจทย์ได้ หลายคนจึงเลือกพึ่งวิธีอดอาหาร ใช้ยาลดความอ้วน หรือเข้าคอร์สต่าง ๆ ซึ่งอาจจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ตั้งใจ คือ น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเหนื่อยออกแรง แถมยังได้กินของที่ชอบต่อไป

ถ้าแต่มองในระยะยาว เกือบทุกคนจะมีผลร้ายตามมา ทั้งน้ำหนักตัวเด้งกลับขึ้นมาสูงกว่าเดิม สุขภาพทรุดโทรม ป่วยง่าย หรือมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จากการไม่สนใจวิธีการคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าประสบความสำเร็จ

ฉะนั้นเราต้องย้อนกลับมาดูกระบวนการก่อนจะมองที่ผลลัพธ์เพราะสิ่งสำคัญคือการตั้งเป้าหมาย หากเป้าหมายคือการลดน้ำหนักโดยเร็ว และผมเสนอวิธีที่จะลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมได้ในวันเดียว คุณจะสนใจมั้ย ?

ถ้าคุณบอกว่าขอให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการโดยไม่สนใจวิธี…ผมก็อาจจะแนะนำให้คุณได้ตัดแขน !และถ้าอยากลดน้ำหนักได้เร็วกว่านั้น ผมก็จะแนะนำให้ตัดขาด้วย

แน่นอน คงไม่มีใครเลือกวิธีนี้ แต่ถ้าเราเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการลดความอ้วน เพื่อให้มีสุขภาพดี ตัวเลือกอย่างการอดอาหาร ใช้ยาลดความอ้วน เข้าคอร์สต่าง ๆ รวมไปถึงการตัดแขนตัดขาย่อมไม่อยู่ในวิธีที่เราเลือกใช้ การเลือกใช้วิธีการที่ดี เช่น การลดน้ำหวาน การลดการกินเค็ม หรือการเริ่มออกกำลังกายอาจไม่ส่งผลต่อการเลปี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ในระยะยาวย่อมดีต่อสุขภาพมากกว่าการใช้วิธีลัดอื่น ๆ

ผมเห็นหลายคนตั้งเป้าจะลดน้ำหนักให้ได้มาก ๆ ในเวลาอันสั้น และหลายครั้งก็มักจะมีหน่วยงาน หัวหน้า หรือคนในครอบครัวตั้งรางวัลเป็นแรงจูงใจให้ หรือแม้แต่ตัวคุณตั้งเป้าหมายไว้เองซึ่งผมต้องบอกว่าเป็นการหวังดีแต่ได้ผลร้าย เพราะตามคู่มือคำแนะนำจากองค์กรด้านสุขภาพระดับโลกทั้งหลายบอกไว้ว่า คนเราควรลดน้ำหนักไม่เกินเดือนละประมาณ 2-4 กิโลกรัม (ยกเว้นว่าจะอ้วนมาก ๆ อาจลดได้มากกว่านี้นิดหน่อย)

เพราะอะไร ? เพราะการลดน้ำหนักมากกว่านี้จะเกิดผลเสียกับร่างกาย

วันนี้ผมจึงต้องมาเล่าว่าเมื่อน้ำหนักหายไป มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง

โดยปกติแล้วมีสูตรคำนวณคร่าว ๆ ว่าถ้าเราสร้างส่วนต่างพลังงาน หรือกินน้อยกว่าที่เผาผลาญได้ประมาณ 7,700 แคลอรี่ จะลด “ไขมัน” ได้ 1 กิโลกรัม ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณออกกำลังกายปกติด้วยการวิ่ง 1 ชั่วโมง มากแค่ไหนก็ลดได้ 700 แคลอรี่ หมายความว่าต่อให้คุณวิ่งทุกวันวันละชั่วโมงเป็นเวลา 1 เดือนและกินพอดีกับพลังงานพื้นฐานที่ร่างกายต้องการก็ลดได้แค่ 3 กิโลกรัม

และถ้ามาดูพวกสูตรลดน้ำหนักเร่งด่วนทั้งหลาย คนส่วนมากที่ทำตามก็มักจะไม่มีแรงออกกำลังกาย ฉะนั้นถ้าลองประมาณดูว่าวันหนึ่งผู้หญิงทั่วไปเผาผลาญพลังงานเฉลี่ยได้วันละ 1,500 แคลอรี่ ต่อให้กินสูตรลดน้ำหนักแบบโหด ๆ ที่กินวันละ 500 แคลอรี่ เราก็จะมีพลังงานติดลบแค่วันละ 1,000 แคลอรี่ ต่อให้อดทนกินสูตรนี้ทั้งเดือนก็ยังลดไขมันได้แค่ประมาณ 4 กิโลกรัมอยู่ดี

อ้าว โค้ชเป้งมาพูดมั่ว ๆ แบบนี้แต่คนที่ลดได้เป็น 10 กิโลกรัมต่อเดือนก็มีตั้งหลายคน แล้วจะบอกว่าเป็นไปได้หรือเป็นไปได้ลำบากได้อย่างไร ? ซึ่งผมก็ต้องบอกว่าทำไมจะไม่ได้ เพราะที่ผมบอกว่าลดยากลดเย็นนั้นมันคือการลดไขมัน แต่ไอ้ที่ลดได้เป็น 10 กิโลกรัมนั้นมันลดน้ำหนัก

ความเข้าใจผิดอย่างแรกคือน้ำหนักที่มันลดได้เร็ว ๆ ก็คือน้ำหนักของอาหารที่คุณงดไปนั่นแหละ โดยปกติคนเรากินอาหารมื้อละ 200-300 กรัม วันหนึ่งมีอาหารเข้าร่างกายไปเกือบ ๆ กิโลกรัม หรือแค่คุณดื่มน้ำ 1 ลิตร น้ำหนักก็ขึ้นมา 1 กิโลกรัมแล้ว ฉะนั้นถ้าคุณงดอาหารที่เคยกินตามปกติ น้ำหนักมันก็ต้องหายไปเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าอยากลดได้เยอะ ๆ ก็ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ แล้วไม่ต้องกินเพิ่ม (ซึ่งส่วนมากถ้าไม่กินยาลดความอ้วนที่กดความอยากอาหารก็ต้องนั่งบำเพ็ญเพียรฝึกความอดทน) น้ำหนักก็จะลดได้สบาย ๆ (พวกยาลดความอ้วนจึงชอบแอบใส่ยาขับปัสสาวะหรือยาระบายลงไป ซึ่งน้ำหนักตรงนี้หลังลดได้สักพักก็จะไม่ลงอีก)

ต่อมาเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารไม่พอก็จะตัดการใช้พลังงานส่วนเกินออกไป และปกติการควบคุมน้ำหนักที่ดีก็มักจะต้องมีการแนะนำให้ฝึกความแข็งแรงเพื่อสร้างกล้ามเนื้ออยู่เสมอ เพราะกล้ามเนื้อเป็นเตาเผาพลังงานชั้นยอด แต่เมื่อคุษอยู่ในภาวะอดอยาก กล้ามเนื้ออันน้อยนิดของคุณก็กลายเป็นส่วนเกิน ฉะนั้นจึงมีการคำนวณว่า ถ้าคุณมีพลังงานติดลบประมาณ 1,200 แคลอรี่ก็จะทำให้เสียมวลกล้ามเนื้อไปถึง 1 กิโลกรัม

ฉะนั้น ถ้าคุณใช้สูตรลดน้ำหนักเร่งด่วนแล้วเสียแต่มวลกล้ามเนื้อล้วน ๆ คุณก็สามารถลดน้ำหนักได้สบาย ๆ ถึง 25 กิโลกรัมใน 1 เดือนตามสูตรคำนวณ ! (แต่ในความเป็นจริงแล้วลดรวดเดียวมาก ๆ อย่างนี้ไม่ได้หรอก เพราะน้ำหนักที่ลดลงไปจะมีทั้งไขมัน กล้ามเนื้อ และน้ำ)

ใช่ว่าเราจะภูมิใจที่ลดน้ำหนักได้เยอะ ๆ อย่างเดียว แต่จะยังได้ของแถมด้วย ทั้งหนังเหี่ยว ป่วยบ่อย ไม่สบาย บางคนเกือบตายก็มี (คนบอกสูตรเขารับผิดชอบมั้ย ?) ซึ่งถ้าอดอาหารเป็นเวลานานร่างกายก็จะเกิดเความเครียดสะสม เครียดยันระดับเซลล์ เพราะถ้าดูจากวิวัฒนาการของมนุษย์เราแล้ว ไขมันจะเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าหรือเงินเก็บของร่างกายเลยทีเดียว ในอดีตมันเป็นเครื่องการันตีว่าเราจะมีชีวิตรอดแม้จะไม่ได้กินอาหารนานหลายวัน เมื่อคุณลดไขมันในร่างกายอย่างรวดเร็วและยาวนาน ร่างกายก็จะยิ่งลดการเผาผลาญและเร่งการกักเก็บไขมัน เกิดวงจรที่เราเรียกว่า “โยโย่ เอฟเฟ็กต์” หรือไขมันเด้งกลับมามากกว่าเดิม

ถ้าคุณอ่านมาถึงตอนนี้ได้คงมีคำถามในใจว่า “แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ?”

ผมก็จะบอกให้ทำใจครับ กินสะสมมาเป็นปี เวลาลดจะใช้เวลาแค่เดี๋ยวเดียวได้อย่างไร ดังนั้นอย่าไปเชื่อว่าลดความอ้วนน่ะลดง่าย (ลดง่ายจริง เพราะบางคนลดได้เป็น 10 ครั้งแล้ว) สู้ลดด้วยความยากลำบากหน่อยแต่ลดได้ถาวรแถมมีสุขภาพดีตลอดชีวิตจะดีกว่านะครับ

กลับมาที่หนัง Bedazzled หลังจากที่พระเอกขอพรไป พรทุกข้อที่เขาขอก็เป็นจริง แต่ผลที่ตามมากลับเลวร้ายเกินกว่าจะรับได้ เช่น ขอให้เป็นคนรวยก็ได้เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากากรค้ายาเสพติดและถูกตำรวจบุกจับกุม ขอให้เป็นคนดังก็กลายเป็นนักบาสฯ ที่เก่งที่สุดในโลกแต่อวัยวะเพศเล็กจิ๋ว สิ่งที่ปีศาจในเรื่องทำก็ไม่ต่างจากกรณีที่ผมบอกว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัมใน 1 วัน แต่ดันแนะนำให้คุณไปตัดแขนตัดขา ซึ่งถ้าคุณคิดว่าการที่ผมพูดอย่างนี้มันหลอกลวงเลวร้ายแล้วล่ะก็ ผมบอกได้เลยว่ายังเทียบไม่ได้กับธุรกิจอาหารเสริม ยา หรือผลิตภัณฑ์ที่โหมโฆษณาว่าทั้งลดความอ้วน เพิ่มความสวย หรือที่ร้ายกว่านั้นคือป้องกันและรักษาโลก เพราะของพวกนี้นอกจากจะไม่ได้ทำให้คุณสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว (คือทั้งไม่สามารถป้องกันและรักษาโรคได้ แถมยังเสียเงินค่าโง่ไปฟรี ๆ) ยังต้องเสียโอกาสในการดูแลสุขภาพ (ไม่ได้กินของที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ไปออกกำลังกาย) หรือร้ายแรงจนถึงขั้นพลาดโอกาสทางการรักษา เช่น กำลังรักษาเบาหวานกับหมอดี ๆ อยู่ ธรรมดาก็กินแต่ยา อาหารไม่ค่อยคุม กำลังกายไม่ค่อยออกอยู่แล้ว อาการก็ทรง ๆ ดันไปเชื่อว่าผลิตภัณฑ์วิเศษเหล่านี้จะช่วยได้ ทำให้ตัดสินใจเลิกรับการรักษาแผนปัจจุบัน ถึงเวลาทรุดจนอาการหนักหมดทางรักษาก็ได้แต่มานั่งเสียใจที่โดนหลอก ตายฟรีไปไม่รู้ปีละกี่คน แถมคนผิดยังลอยนวลอีกต่างหาก

ฉะนั้นสุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกท่านตั้งเป้าหมายอย่างเหมาะสม เลือกวิธีการให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังใจนะครับ

 

สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ ส่งตรงถึงบ้านได้ที่ www.matichonbook.com