เปิด 5 เทรนด์สุขภาพมาแรงปี 2025 คนยุคใหม่เน้นการสร้างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ โดยเปลี่ยนจากการรักษาเมื่อเจ็บป่วยสู่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การดูแลสุขภาพไม่ได้จำกัดเพียงแค่การรักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่คือการวางแผนและการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรเพื่อรับมือกับความท้าทาย และตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่
“The Selection” แพลตฟอร์มที่คัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพ เปิดเทรนด์สุขภาพปี 2025 โดยการดูแลสุขภาพในปี 2025 จะเน้นการสร้างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ โดยเปลี่ยนจากการรักษาเมื่อเจ็บป่วยสู่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม
ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ควบคู่กับข้อมูลทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว นอกจากจะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ง่ายและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันอีกด้วย

5 เทรนด์สุขภาพปี 2025 ที่กำลังมาแรง
- Gut Health : การดูแลลำไส้เป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพองค์รวม ด้วยการใช้โปรไบโอติก พรีไบโอติก และผลิตภัณฑ์ที่เสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ และส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
- Epigenetics : การวิเคราะห์เหนือระดับยีนเพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมเฉพาะบุคคล เช่น อาหารที่ตอบโจทย์ระดับเหนือพันธุกรรม เพื่อส่งเสริมสุขภาพในระดับเซลล์
- Immune System : การตรวจวัด NK Cell จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ภูมิคุ้มกัน พร้อมกับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับทุกวัย
- Functional Wellness : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยเพิ่มพลังงาน และสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ จะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน
- Personalized Wellness : การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และ IOT เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล สร้างสุขภาพที่สมดุลและยั่งยืนสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย เช่น การออกแบบโภชนาการและแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล
พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์ Premier Life Center โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในปี 2025 เทรนด์การดูแลสุขภาพจะเน้นการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันและส่งเสริมสุขภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างคุณภาพชีวิตในระยะยาว

“การดูแลสุขภาพไม่ควรเริ่มเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย แต่ควรเริ่มต้นด้วยการป้องกัน เช่น การพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ”
เทรนด์สุขภาพเหล่านี้ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบัน แต่ยังช่วยสร้างสุขภาพที่ดีและยั่งยืนสำหรับทุกคนในระยะยาว หากระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง จะเปรียบเสมือนมีกองทัพที่พร้อมปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรียหรือไวรัส
โดยภูมิคุ้มกันสามารถจัดการเชื้อโรคขนาดเล็กได้ง่าย แต่สำหรับเชื้อโรคขนาดใหญ่ เช่น ก้อนเนื้องอก จำเป็นต้องใช้ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งมากขึ้น การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน NK Cells เป็นตัวชี้วัดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับเชื้อโรคและเซลล์อันตราย
อีกทั้งยังช่วยประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดค่า NK Cell Activity และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ แม้ว่าการวัดค่า NK Cell Activity จะไม่สามารถบอกถึงโรคที่เป็นอยู่ได้โดยตรง แต่สามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อประเมินปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายได้

เทรนด์การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคล
พญ.กอบกุลยาเล่าถึงเทรนด์การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized Wellness กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมสุขภาพไทยและทั่วโลก ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และจีโนมิกส์ ที่ช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำและตรงจุดมากขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรง Personalized Wellness มุ่งเน้นการนำข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ประวัติสุขภาพและพันธุกรรม มาออกแบบแผนการดูแลที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล ตั้งแต่การคัดกรองความเสี่ยง การให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงและเพิ่มโอกาสฟื้นฟูสุขภาพ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
อีกทั้งยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและพร้อมลงทุนในบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล ส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับภูมิภาค