
กางแผนแก้ปม ‘ทำฟัน’ ผู้ประกันตน เสนอทำดีลราคากลางคลินิกเอกชน เล็งทำข้อตกลงกระทรวงสาธารณสุข เบิกจ่ายทันกรรมโรงพยาบาลรัฐ
ทพ.วีระศักดิ์ พุทธาศรี ประธานคณะทำงานประสานและดูแลมาตรฐานชุดสิทธิประโยชน์ทันตกรรมสำหรับผู้ประกันตน กล่าวว่า ในการประชุมคณะทำงานเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้นำข้อเสนอของคณะอนุกรรมการการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม เบื้องต้นมี 2 เรื่องหลักคือ
1.ผู้ประกันตนควรได้สิทธิทันตกรรมไม่น้อยกว่าบัตรทอง ที่สามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาล (รพ.) ของรัฐ ได้มากกว่าแค่การอุด, ขูด, ถอนฟัน และใส่ฟันปลอม ดังนั้น ประชาชนทุกคนควรได้สิทธิเท่ากัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อ คือเราไม่อยากให้มีการร่วมจ่าย (Copayment) จึงมีความเห็นว่า รพ.รัฐที่ทำฟันให้ผู้ประกันตนต้องเบิกจ่ายโดยอิงจากราคาของกรมบัญชีกลาง และห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่ม ฉะนั้น คณะทำงานต้องเดินหน้าทำความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการให้บริการผู้ประกันตน
ทพ.วีระศักดิ์กล่าวว่า 2.คณะอนุกรรมการการแพทย์เห็นด้วยในการสร้างฐานข้อมูลสุขภาพช่องปาก (Oral Health) ของประชากรในประเทศ จึงมีความเห็นว่าควรเพิ่มแรงจูงใจให้กับทันตแพทย์และคลินิก ให้ตรวจช่องปากและบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ที่จำเป็น (Treatment Needs) เพื่อให้ประชาชนมีฐานข้อมูลของตัวเอง และสำนักงานประกันสังคมก็จะมีข้อมูลด้านทันตกรรม เพื่อใช้ในการพิจารณาขยับหลักประกันสุขภาพของกองทุน เบื้องต้นมีการประเมินค่าใช้จ่ายไว้ที่ 100 บาทต่อหัว ซึ่งนอกเหนือจากเงิน 900 บาทของผู้ประกันตน นอกจากนั้น ยังได้หารือความเป็นไปได้ในการทำฟันปลอมโดยที่ผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งจะมีเงื่อนไขการตรวจสอบด้วยประวัติการทำฟันปลอมในช่วง 5 ปีล่าสุด ไม่ใช่ว่าทำทุกปี เพราะตามหลักวิชาการฟันปลอม 1 ชิ้นสามารถใช้ได้ 5 ปี
ทพ.วีระศักดิ์กล่าวต่อว่า มีสิ่งที่ประกันสังคมเสนอแล้วมีความน่าสนใจมากคือ แก้ไขปัญหาการเข้าถึงบริการทันตกรรมในกรุงเทพมหานคร ที่มี รพ.รัฐน้อยกว่าต่างจังหวัด ดังนั้น ถ้ามีการขยายสิทธิให้ผู้ประกันตนไปทำฟันใน รพ.รัฐได้โดยไม่จำกัดวงเงินหรือจำนวนครั้ง ก็อาจจะยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งประกันสังคม รับปากว่าจะสำรวจราคาค่าบริการทันตกรรมของคลินิกเอกชน ว่าถ้าจะอิงราคากรมบัญชีกลางจะเป็นไปได้หรือไม่ หรือถ้าไม่ได้แล้วควรจะเป็นราคากลางตามความเหมาะเท่าไหร่ ที่คลินิกในแต่ละย่านของกรุงเทพฯ ยอมรับได้ อย่างที่บัตรทองสามารถดึงคลินิกฟันเอกชนเข้ามาร่วมเป็นหน่วยนวัตกรรมได้ โดยไม่ให้เรียกเก็บเงินผู้ป่วยเพิ่ม ซึ่งทั้งหมดจะต้องติดตามต่อในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 17 มิถุนายน 2568 นี้
ทพ.วีระศักดิ์กล่าวว่า คณะทำงานชุดนี้ต้องหารือร่วมกับคณะอนุกรรมการการแพทย์ ไม่สามารถออกความเห็นหรือข้อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ดังนั้น เราจึงต้องเร่งทำงานให้แล้วเสร็จ เพื่อจะได้เตรียมทำข้อเสนอต่อไป