
บทความโดย : แพทย์หญิงกาญจนา อักษรวรนารถ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
โรคเบาหวาน (Diabetes) และโรคหัวใจ (Heart Disease) เป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะการเกิดโรคหัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะสามารถช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้
‘เบาหวาน’ ส่งผลต่อ ‘หัวใจ’ อย่างไร ?
ทำให้หลอดเลือดตีบและแข็งตัว ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานทำให้เกิดการสะสมของไขมันและคราบหินปูนในหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจตีบและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้
เพิ่มความดันโลหิต ผู้ป่วยเบาหวานมักมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและเพิ่มโอกาสเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
ไขมันในเลือดผิดปกติ คนที่เป็นเบาหวานมักมีระดับไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) สูง และระดับ HDL (ไขมันดี) ต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคหัวใจ
ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ภาวะนี้ส่งผลให้เกิดการอักเสบในร่างกายและทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
เส้นประสาทถูกทำลาย ผู้ป่วยเบาหวานบางคนอาจมีเส้นประสาทเสียหาย ทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการหัวใจขาดเลือด ไม่รู้สึกเจ็บหน้าอกแม้มีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ผู้ป่วยเบาหวานจึงมักตรวจพบโรคหัวใจในระยะที่รุนแรงแล้ว
‘การตรวจสุขภาพหัวใจ’ ที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
วัดความดันโลหิต ผู้ป่วยเบาหวานมักมีความดันโลหิตสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (FBS, HbA1c) เป็นการตรวจเพื่อประเมินระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งมีความสำคัญในการ คัดกรอง วินิจฉัย และติดตามโรคเบาหวาน รวมถึงการควบคุมระดับน้ำตาลให้เหมาะสม
ตรวจไขมันในเลือด (Lipid Profile) ตรวจเพื่อประเมินระดับไขมันต่าง ๆ ในกระแสเลือด ซึ่งมีความสำคัญต่อการลดความเสี่ยงของ โรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะภาวะหลอดเลือดตีบและโรคหัวใจขาดเลือด
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG – Electrocardiogram) การตรวจ ECG เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสอบ สัญญาณไฟฟ้าของหัวใจ เพื่อวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหัวใจขาดเลือด และปัญหาทางไฟฟ้าหัวใจอื่น ๆ
ตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram หรือ Echo) เป็นการตรวจที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจ, โครงสร้างของหัวใจ และการทำงานของลิ้นหัวใจ ตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน (Exercise Stress Test) เป็นการทดสอบที่ช่วยประเมินการทำงานของหัวใจขณะออกกำลังกาย เพื่อดูว่าหัวใจสามารถทนต่อความเครียดที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงหรืออาการที่อาจเกิดจากปัญหาหัวใจ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก หรือเหนื่อยง่ายผู้ป่วยเบาหวาน
สัญญาณเตือน ! โรคหัวใจในผู้ป่วยเบาหวาน
- เจ็บแน่นหน้าอก หรือรู้สึกเหมือนถูกกดทับบริเวณอก
- หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
- ใจสั่น หน้ามืด เวียนหัว
- เท้าบวมจากภาวะหัวใจล้มเหลว
แนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อติดตามค่าความดันโลหิต ไขมัน และน้ำตาลในเลือด
สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่มีอาการผิดปกติ แนะนำให้ตรวจสุขภาพหัวใจ อย่างน้อยปีละครั้ง หรือทุก 6 เดือนในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น มีความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคไตร่วมด้วย แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น หรือเหนื่อยง่ายผิดปกติ แนะนำให้มาปรึกษาแพทย์โดยทันที
โรคเบาหวาน สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้หลายเท่าตัว การตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำสามารถช่วยให้พบปัญหาได้เร็วขึ้นและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การควบคุมน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันอย่างเหมาะสม รวมถึงการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงและลดความเสี่ยงได้