งานวิจัยใหม่ ชี้’เทียน-เทียนหอม’ อันตราย! ทั้งภูมิแพ้ หืดหอบ และมะเร็ง

(ภาพ-Pixabay)

งานวิจัยชิ้นใหม่ของนักวิจัยทางเคมีประจำมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคโรไลนา รัฐเซาธ์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งนำโดย รูฮัลเลาะห์ มาสซูดี ศาสตราจารย์วิชาเคมีของมหาวิทยาลัย ชี้ให้เห็นว่า เทียนและเทียนหอมที่ทำขึ้นจากพาราฟิน หรือขี้ผึ้งที่เป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมนั้น มีสารที่สามารถก่ออันตรายให้เกิดกับมนุษย์ได้ โดยอาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ หืดหอบ เรื่อยไปจนถึงก่อให้เกิดมะเร็งได้

ในการวิจัยดังกล่าว ทีมวิจัยเปรียบเทียบผลของการจุดเทียน 2 ชนิดโดยเทียนที่เลือกมาเปรียบเทียบกันก็คือ เทียนที่ผลิตจากสารพาราฟิน ซึ่งเป็นเทียนส่วนใหญ่ในท้องตลาด กับเทียนที่ได้จากแหล่งที่มาที่เป็นพืช ทั้งเพื่อให้ความสว่างนุ่มนวลเพียงอย่างเดียว กับที่ทั้งให้ความสว่างและก่อให้เกิดกลิ่นหอมควบคู่กันไป นำเทียนทั้ง 2 ชนิดมาจุดในกล่องขนาดเล็กที่จัดทำขึ้นเพื่อการทดลองต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ชั่วโมง จากนั้นก็เก็บอากาศในแต่ละกล่องมาวิเคราะห์เพื่อตรวจวัดคุณภาพ

ทีมวิจัยสรุปผลว่า เทียนซึ่งผลิตจากพาราฟินไม่ว่าจะมีกลิ่นหอมผสมอยู่ด้วยหรือไม่ เมื่อเผาไหม้จะปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษ คือโทลูอีน และเบนซีลออกมา

“เทียนพาราฟินที่เราทดสอบจะปล่อยสารเคมีที่ไม่เป็นที่ต้องการออกมาสู่อากาศ สำหรับใครก็ตามที่จุดเทียนทุกวันต่อเนื่องกันเป็นปี หรือใช้เทียนเพื่อให้ความหอมเป็นประจำนั้น การสูดอากาศที่มีสารเคมีเหล่านี้เข้าไป สามารถนำไปสู่ความเสี่ยงทางสุขภาพหลายๆ อย่าง ตั้งแต่อาการภูมิแพ้ อาการหอบหืด หรือแม้กระทั่งมะเร็ง” ศาสตราจารย์มาสซูดีระบุ ก่อนเสริมว่า “เทียนที่ได้จากไขพืชนั้นจะไม่ปรากฏสารเคมีที่เป็นพิษเหล่านี้เลย”

งานวิจัยนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2009 ที่ระบุว่า น้ำหอมที่ใช้ผสมเป็นเทียนหอมนั้นก่อให้เกิดอันตรายเช่นกัน เพราะในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา 80-90 เปอร์เซ็นต์ของสารให้ความหอม เป็นสารที่สังเคราะห์มาจากปิโตรเลียมทั้งสิ้น ผลก็คือจะมีสารอย่างอะซีโทน, ฟีโนล, โทลูอีน, เบนซีล อะซีเทต และไลโมนีน

การศึกษาของทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ในครั้งนั้นถึงกับระบุว่า การใช้น้ำหอมหรือเครื่องหอมในที่ทำงาน ไม่ต่างอะไรกับอันตรายจากเซคกันด์แฮนด์ สโมค หรือการได้สารพิษจากคนใกล้ชิดที่สูบบุหรี่นั่นเอง

 


ที่มา:มติชนออนไลน์