ปลัดสธ.สั่ง ‘นพ.สสจ.’ ทั่วปท.เฝ้าระวัง ‘ไข้เลือดออก’ หลังป่วยกว่า 2.3 หมื่น ดับ 30 ราย

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝนมีฝนตกชุกบางพื้นที่ มีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสูงขึ้น ข้อมูลกรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 28 พฤษภาคม 2562 มีรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออก 23,622 ราย เสียชีวิต 30 ราย อัตราป่วยสูงสุดพบในภาคใต้ รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 5-14 ปี มีโรคประจำตัวหรือภาวะเสี่ยง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด โรคอ้วน เบาหวาน ไทรอยด์ และโรคหอบหืด

นพ.สุขุม กล่าวว่า จากการประชุมวิดีโอทางไกลที่ผ่านมา ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ทั่วประเทศ กำชับให้สื่อสารเชิงรุกถึงมาตรการรักษาผู้ป่วยถึงคลินิกเอกชนและร้านขายยา หากพบผู้ป่วยมีไข้เกิน 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น ต้องแนะนำให้ไปโรงพยาบาล ห้ามฉีดยา ห้ามจ่ายยา กลุ่มแก้ปวดลดไข้ต้านการอักเสบ หรือกลุ่ม NSAIDs เนื่องจากจะเป็นอันตรายหากผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออก ด้านอาการหลังจากได้รับเชื้อจากยุงประมาณ 5-8 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย อุณหภูมิ 38.5 – 40.0 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 2-7 วัน อาการทั่วไปคล้ายเป็นหวัด แต่มักไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก หน้าแดง ปวดศีรษะ บางรายอาจมีปวดท้อง อาเจียน มีจุดแดงเล็กตามแขน ขา ลําตัว หากมีอาการไข้สูง 2 วันไข้ไม่ลด ขอให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับการดูแลในช่วงป่วย ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่บ่อยๆ เช็ดตัวเพื่อลดไข้ กินอาหารอ่อน และกินยาตามแพทย์สั่ง

“ห้ามกินยาแอสไพรินหรือไอบูโปรเฟน เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น ในช่วงไข้ลดระมัดระวังอาการอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดภาวะช็อกได้ หากผู้ป่วยมีอาการซึม อ่อนเพลีย มือเท้าเย็น เลือดกําเดาไหล อาเจียนเป็นเลือดและอุจจาระเป็นสีดํา ให้รีบนําส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีและลดการเสียชีวิต” นพ.สุขุม กล่าว

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้กำชับมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในพื้นที่เป้าหมาย 6 ร. ได้แก่ 1.โรงเรือน (บ้าน/ชุมชน) 2.โรงเรียน(สถานศึกษา/สถานเลี้ยงเด็กเล็ก) 3.โรงพยาบาล 4.โรงแรม/รีสอร์ท 5.โรงงาน/กลุ่มอุตสาหกรรม และ 6.โรงธรรม (วัด/มัสยิด/โบสถ์) โดยยึดหลัก 3 เก็บ 3 โรค คือ 1.เก็บบ้านให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายอยู่อาศัย 2.เก็บขยะให้เกลี้ยงไม่ให้ยุงลายเพาะพันธุ์ 3.เก็บปิดน้ำให้มิดชิดไม่ให้ยุงลายวางไข่ รวมทั้งจุดที่มักมองข้ามภายในบ้าน เช่น แก้วน้ำ แจกันหน้าหิ้งพระและศาลพระภูมิ ควรล้างและเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์ ช่วยป้องกัน 3 โรค ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา รวมถึงให้ทุกจังหวัดชี้เป้าตำบลที่ระบาดและดำเนินมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ และให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม ป้องกันการระบาด เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่

 

 


ที่มา : มติชนออนไลน์