ผู้หญิงท้องฟันผุต้องระวัง ถ้าไม่รักษา เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

คนส่วนใหญ่รู้กันว่าในขณะที่ผู้หญิงกำลังตั้งครรภ์นั้นจะต้องระมัดระวังการใช้ชีวิต ไม่ใช้ร่างกายหักโหม ไม่ให้ร่างกายได้รับการกระทบกระแทกแรง ๆ และต้องดูแลร่างกายเป็นพิเศษกว่าคนทั่วไป แต่ข้อมูลที่เรายังไม่ค่อยรู้กันก็คือ ถ้าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มีปัญหาฟันผุแล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจจะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วย!

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เป็นห่วงเรื่องนี้จึงได้เปิดเผยข้อมูลความรู้ และแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ที่ฟันผุ ปริทันต์อักเสบเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากตั้งแต่แรกฝากครรภ์ เพื่อไม่ให้ลูกน้อยในครรภ์ได้รับผลกระทบไปด้วย

ทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลให้เหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากอ่อนแอ บวกกับอาการแพ้ท้อง อาเจียนบ่อย และการกินอาหารจุบจิบส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์เกิดโรคฟันผุได้ง่าย

จากรายงานวิจัยผลการตรวจสุขภาพช่องปากหญิงตั้งครรภ์ของสำนักทันตสาธารณสุข พบว่าร้อยละ 90.3 มีฟันผุ โดยค่าเฉลี่ยฟันผุถอนอุด 6.37 ซี่ต่อคน และร้อยละ 91.8 จำเป็นต้องได้รับการขูดหินน้ำลาย

คุณหมอบอกอีกว่าการติดเชื้อในช่องปากทั้งจากโรคฟันผุ หรือโรคเหงือกอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ในรายที่มีโรคปริทันต์อาจก่อให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ และเชื้อโรคจากช่องปากแม่ที่ฟันผุสามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกทางน้ำลายได้ ทำให้ทารกมีโอกาสเสี่ยงฟันผุเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า หญิงตั้งครรภ์จึงควรเข้ารับบริการขูดหินน้ำลายและทำความสะอาดช่องปากลดภาวะเหงือกอักเสบและอุดฟันลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเพื่อลดความเสี่ยงการถ่ายทอดเชื้อโรคในช่องปากจากแม่สู่ลูก

ด้านแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ให้คำแนะนำว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับเหงือกและฟันของลูกได้

เนื่องจากฟันน้ำนมของลูกเริ่มสร้างตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดา 6 สัปดาห์ ดังนั้น นอกจากการแปรงฟันอย่างถูกวิธีด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันในหญิงตั้งครรภ์แล้ว ผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถป้องกันปัญหาได้ด้วยการตรวจสุขภาพช่องปากโดยทันตบุคลากรตั้งแต่เข้ารับบริการฝากครรภ์ที่สถานบริการสาธารณสุข หากพบว่ามีปัญหาโรคในช่องปากควรเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม

โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการรักษาทางทันตกรรม คือ ช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือน แต่ถ้ามีอาการปวดฟัน เหงือกบวม เป็นหนอง มีฟันผุใหญ่ ลึก หรือฟันคุดที่มีการติดเชื้อ สามารถรับบริการทางทันตกรรมได้ทันที

อธิบดีกรมอนามัย แนะนำอีกว่า นอกจากปัญหาในช่องปากของแม่ที่จะส่งผลต่อลูกแล้ว หากแม่ได้สารอาหารไม่ครบถ้วนหรือไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้การสร้างฟันของลูกผิดปกติและมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุมากขึ้น เพิ่มโอกาสสูญเสียฟันน้ำนมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย หญิงตั้งครรภ์จึงต้องปรับพฤติกรรมบางอย่างในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอ ลดการกินของหวาน เน้นการกินผัก ผลไม้ หากมีอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องหรือกินอาหารเปรี้ยว ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้ง และงดการแปรงฟันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ในรายที่อาเจียนมาก ควรใช้น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์เพิ่มเติมเพื่อการมีสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของทั้งแม่และลูก

รู้อย่างนี้แล้ว คุณแม่ควรตรวจเช็กสภาพช่องปากของตัวเองให้ดี ๆ ว่ามีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีปัญหาอย่าปล่อยไว้ เพราะมันอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกในครรภ์อย่างมากมาย