ระวัง สิวผด สิวเชื้อรา ที่อาจมากับอากาศร้อนชื้นในฤดูฝน

ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว สลับกับฝนฟ้าคะนองในช่วงฤดูฝน ปัญหาความอับชื้นทั้งจากเสื้อผ้าที่เปียกชื้น รวมถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในรอบวัน ส่งผลให้การทำงานของรูขุมขนขับสารคัดหลั่งเปลี่ยนไป จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดการอักเสบ กลายเป็น “สิวผด” ได้ ซึ่งมักพบบ่อยที่บริเวณ หน้าผาก แก้ม คอ อก ไหล่ และท่อนแขนส่วนบน ผนวกกับอากาศร้อนชื้นในช่วงฤดูฝนอาจทำให้เกิด ”สิวผดที่มีอาการคัน” ร่วมด้วย

ดร.ภญ.จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาเครื่องสำอางและเวชสำอางเพื่อแก้ปัญหาสิวด้วยสารสกัดจากหินน้ำมันฝรั่งเศสแบรนด์โอลด์ร๊อคที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 22716/COSMETICS GMP ระดับสากล บริษัท แอล.เอ.เดอร์มาเทค จำกัด กล่าวว่า สิวผดจะเกิดขึ้นได้ง่ายหากมีตัวกระตุ้น จากความร้อน แสงแดด ทำให้เกิดตุ่มนูนแดง ขนาดเล็ก ซึ่งสิวผดอาจมีอาการคันร่วมด้วย โดยอาจมีสาเหตุมาจาก “เชื้อรา” ซึ่งมักจะเกิดในช่วงอากาศร้อนชื้น หรือช่วงที่ทำกิจกรรมและมีเหงื่อออกจำนวนมาก ทำให้เสื้อผ้าอับชื้น ความอับชื้นที่ทำให้เกิดตุ่มแดง ๆ โดยทั่วไปจะเรียกว่า “สิวเชื้อรา” หรือ “สิวยีสต์” ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า “โรครูขุมขุนอักเสบจากเชื้อรา” เกิดจากเชื้อรามาลาสซีเซีย จะมีลักษณะเป็นผดเล็กๆ ซึ่งผู้ที่มีผิวมันเหงื่อออกง่าย เมื่อเจอกับอากาศร้อนชื้นและเสื้อผ้าที่อับชื้นยิ่งทำให้เชื้อเจริญเติบโตได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นหากทำความสะอาดผิวหน้าหรือผิวกายไม่ถูกวิธี หรือมีการใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนร่วมด้วย จะยิ่งมีโอกาสเป็นสิวผดและสิวเชื้อราได้ง่าย

นอกจากนั้น รูขุมขนอักเสบจากเชื้อราอาจพบได้ในผู้ที่ใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องหรือใช้ยากดภูมิคุ้มกันต่อเนื่องด้วย ซึ่งยาที่นิยมใช้กันมากสำหรับรักษาสิว เช่น Clindamycin เป็นยาที่ใช้สำหรับเชื้อแบคทีเรียที่ใช้กันโดยทั่วไปเนื่องจากมีราคาไม่แพง ผลจากการใช้ในช่วงแรกสิวมักจะลดลงไป แต่เมื่อใช้ไปสักพักเชื้อที่เหลืออยู่บนผิวกลับไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย (หรืออาจเกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา) ทำให้รักษาไม่หาย เนื่องจากไม่ใช่ยาสำหรับเชื้อรา การใช้ยาฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยไม่มีแผนการใช้อย่างถูกต้อง ในระยะยาวจะเกิดผลร้ายมากกว่า นั่นคือทำให้สมดุลของเชื้อที่อยู่บนผิวหน้าเสียไป โดยเมื่อจำนวนเชื้อแบคทีเรียลดลงจะทำให้เชื้อราและเชื้อชนิดอื่นเจริญเติบโตได้ดี จึงเกิดปัญหาจากเชื้อราหรือเชื้ออื่น ๆ เข้ามาแทน
การป้องกันและรักษาสิวผด

สิวผดชนิดไม่คัน
1. สิวผด ชนิดไม่คันสามารถกลายพันธุ์เป็นสิวอักเสบชนิดคัน หรือ สิวเชื้อรา ได้ หากผิวอยู่ในสภาวะที่อับชื้น และทำความสะอาดไม่ถูกวิธี ฉะนั้น หากมีปัญหาสิวผดให้รีบทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเพื่อลดน้ำมันส่วนเกินหรือสิ่งระคายเคืองบนใบหน้า ซับหน้าเบา ๆ ปล่อยหน้าให้แห้ง สบาย ๆ เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของรูขุมขน

2. หากมีสิวผดขึ้นในบริเวณที่อับชื้นหลังทำความสะอาด อาจใช้แป้งฝุ่นทาบาง ๆเพื่อลดการระคายเคืองและความอับชื้นเบื้องต้นได้

3. หากปัญหาสิวผดเรื้อรัง ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร

สิวผดชนิดที่มีอาการคัน หรือ สิวเชื้อรา

การรักษาสิวผดที่ลุกลามกลายเป็นสิวเชื้อรา โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการทานยาต้านเชื้อราร่วมกับยาทา ยาบางชนิดมีฤทธิ์ทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวจึงใช้วิธีทาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก เช่น Selenium Sulfide เป็นต้น ส่วนยาต้านเชื้อราแบบรับประทานอื่นๆ อาจมีผลต่อฮอร์โมน การทำงานของตับ และทางเดินอาหาร การใช้ยาต้านเชื้อราจึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้ที่เป็นสิวผด และไม่ต้องการใช้ยาต้านจุลชีพที่อาจส่งผลเสียต่อสมดุลของผิว มีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้มีปัญหาสิวผด แนะนำผลิตภัณฑ์ “โอลด์ร๊อค แอคเน่ สเปรย์” สเปรย์สิวสำหรับผิวหน้า สูตร Non-Comedogenic ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ และสารสกัดจากหินน้ำมันฝรั่งเศส มีส่วนช่วยต่อต้านจุลินทรีย์ กลิ่นหอม เย็น ช่วยลดอาการคันบนใบหน้า อ่อนโยนต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย ช่วยลดสิว ผิวเย็น หน้าไม่มัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว สามารถสเปรย์ให้ทั่วใบหน้า หรือ ผิวกายบริเวณที่มีปัญหาสิวผด หลังล้างทำความสะอาดผิวบริเวณที่เป็นสิว ใช้ง่ายและพกพาสะดวก และยังสามารถใช้ฉีดก่อนการแต่งหน้าเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดสิวที่มาจากการใช้เครื่องสำอาง เมื่อใช้เป็นประจำยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวซ้ำอีกด้วย