สธ.เผย คนไทย 4 % ตอบแบบสำรวจ ไม่สวมหน้ากากแม้ไอ-จาม

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

วันที่ 26 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า วันนี้ข่าวดีคือมีผู้ป่วยรักษา หาย 47 ราย รวมรักษาหาย 2,594 หรือคิดเป็นร้อย 90% ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย

จะเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ประชาชนเริ่มผ่อนคลาย จากการที่ผู้ป่วยลดลง มีการเดินทางมากขึ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงคือการป้องกันโรค การรักษาระยะห่าง 2 เมตร การล้างมือบ่อย ๆ และการสวมหน้ากาก ทั้งหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้าก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญมาก

ที่น่าเป็นห่วงคือกรมควบคุมโรคได้ทำการสำรวจความเห็นประชาชนมา 5 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดทำเมื่อประมาณ 2-3 วันที่ ผ่านมา เป็นการสำรวจความเห็นผ่านระบบออนไลน์ โดยถามว่าถ้ามีอาการป่วย ไข้ ไอ จาม จะสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ พบว่ามี 4 % ที่ตอบว่าจะไม่สวม ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น อาจจะเพราะความผ่อนคลายจากจำนวนผู้ป่วยลดลง และ อาจจะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะส่วนใหญ่ถ้าวัยรุ่นติดเชื้ออาการจะไม่รุนแรง

แต่ต้องย้ำให้เข้าใจกันว่า โรคระบบทางเดินหายใจนั้นสามารถกลับมาระบาดได้ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้คนเริ่มกลับมาทำงานแล้ว การเว้นระยะห่างระหว่างกันอาจจะทำได้ลำบากขึ้น เพราะฉะนั้นการสวมหน้ากากเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการป้องกันโรค

“การที่ประเทศไทยคุมสถานการณ์ได้ตอนนี้ เพราะประชาชนให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากาก ดังนั้นตอนนี้เราอยากขอความร่วมมือจากประชาชนในการสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน แม้ผลสำรวจจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่จะสวมหน้าหน้ากาก แต่เรายังต้องการความร่วมมือจากทุกคน ถ้าเรายังไม่ตระหนัก จาก 4% ที่ไม่สวมหน้ากาก อาจจะขยายวงกว้างขึ้น” นายแพทย์ โสภณ กล่าว

นายแพทย์ โสภณ กล่าวอีกว่า เมื่อก่อน จำนวนผู้ป่วยมาจากการติดเชื้อนอกประเทศ แต่ปัจจุบันเรามีการติดเชื้อในประเทศ ซึ่งธรรมชาติ ตอนที่ต่างชาติเข้ามาไทย ไม่ได้มีการใกล้ชิดกับคนไทยมากนัก อย่างมากคือคนในกรุ๊ปท่องเที่ยวเดียวกัน แต่คนไทยมีการปฏิสัมพันธ์กันมากในขณะที่มีการติดเชื้อในประเทศ ดังนั้นเราจึงต้องทำอย่างระมัดระวัง และจัดระเบียบกันใหม่ ซึ่งรัฐบาลเตรียมการกันอยู่ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการเสียโอกาสที่เราสามารถคุมโรคได้ดีแล้ว

ข้อมูล ข่าวสด