หมอธีระ เตือน 2 สัปดาห์ถัดจากนี้ชี้ชะตาโควิดระลอก 3

หมอธีระเตือน 2 สัปดาห์ชี้ชะตาโควิด
ภาพจาก Reuters

หมอจุฬาเตือน 2 สัปดาห์หลังจากนี้วัดใจคนไทย ชี้ชะตาการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ขอร้องร้านอาหาร-ร้านบุฟเฟ่ต์ อย่าโฆษณาชวนคนมานั่งกินในร้าน ก่อนปิดพรุ่งนี้ 

วันที่ 30 เมษายน 2564 ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ก่อนเปรียบเทียบสถานการณ์ระลอก 3 ในประเทศไทย ดังนี้

สถานการณ์ทั่วโลก 30 เมษายน 2564 ทะลุ 151 ล้านไปแล้ว ในขณะที่อินเดียทำลายสถิติอีกครั้ง ติดเพิ่มเกือบสามแสนเก้าหมื่นคน ส่วนอิตาลียอดติดเชื้อรวมเกินสี่ล้านแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 892,171 คน รวมแล้วตอนนี้ 151,081,227 คน ตายเพิ่มอีก 14,991 คน ยอดตายรวม 3,177,692 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดยังคงเดิมคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา ตุรกี และฝรั่งเศส, อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 54,755 คน รวม 33,038,450 คน ตายเพิ่ม 816 คน ยอดเสียชีวิตรวม 589,153 คน อัตราตาย 1.8%, อินเดียติดเพิ่มมากถึง 386,829 คน รวม 18,754,925 คน ตายเพิ่ม 3,501 คน ยอดเสียชีวิตรวม 208,313 คน อัตราตาย 1.1%

บราซิล ติดเพิ่ม 66,871 คน รวม 14,590,678 คน ตายเพิ่มถึง 2,843 คน ยอดเสียชีวิตรวม 401,186 คน อัตราตาย 2.7%, ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 26,538 คน ยอดรวม 5,592,390 คน ตายเพิ่ม 306 คน ยอดเสียชีวิตรวม 104,224 คน อัตราตาย 1.9%, รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,284 คน รวม 4,796,557 คน ตายเพิ่ม 364 คน ยอดเสียชีวิตรวม 109,731 คน อัตราตาย 2.3% อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

ระลอกสามของเยอรมันนั้นพอ ๆ กับระลอกสอง จำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดจะมากกว่าเดิมนิดหน่อย (32,546 คน ณ 14 เมษายน 2564 vs 31,553 คน ณ 18 ธันวาคม 2563) ล่าสุดยังเกินสองหมื่นคนต่อวัน ดูแล้วคาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 4-6 สัปดาห์ กว่าจะกดการระบาดลงได้จนคงที่ ขอส่งกำลังใจให้คุมได้โดยเร็ว

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น, แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า, แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง

เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย เวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่นิวซีแลนด์ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ, กัมพูชาตอนนี้ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด 880 คน ยอดรวมกว่า 12,000 คนแล้ว ยอดรวมเพิ่มขึ้นสองเท่าในระยะเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

จากธรรมชาติของการระบาดระลอกสามในประเทศต่าง ๆ ที่ติดตามมา หากมาประเมินเพื่อคาดการณ์สถานการณ์ของไทยเรา เคยเล่าให้ฟังแล้วว่าเรามีโอกาสที่จะเห็นพีคตอนช่วงสัปดาห์ที่ 1-3 ของพฤษภาคม ถ้าการระบาดของเรามีการดำเนินไปคล้ายกับเค้า

ทางศบค.ได้ขันน็อตมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อให้หลายต่อหลายฝ่ายมีเวลาเตรียมตัวเตรียมงานก่อนดำเนินการตามมาตรการที่ระบุ แต่ในความเป็นจริง ทุกภาคส่วนควรเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ หากเป็นไปได้ เพราะโรคระบาดไม่คอยใคร

ระบาดที่จะปะทุขึ้นรุนแรงนั้นจะเกิดได้ในสถานที่ทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ ที่ประชุม ห้างร้านที่ค้าขายหรือบริการ ที่พักแรม ที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้าน หอพัก แฟลต คอนโด อพาร์ตเมนท์ หรือชุมชน/หมู่บ้าน และที่สำคัญมากคือ ขนส่งสาธารณะต่าง ๆ

วันนี้ขอร้องให้ร้านอาหารและร้านบุฟเฟ่ต์ต่างๆ กรุณาอย่าโฆษณาเชิญชวนให้คนรีบมานั่งกินในร้าน ก่อนจะปิดการนั่งกินในวันพรุ่งนี้ เพราะการประชาสัมพันธ์เช่นนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อติดเชื้อกันได้มากขึ้น ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงสวัสดิภาพความปลอดภัยของทั้งพนักงานและลูกค้า

2 สัปดาห์ถัดจากนี้ไปคือ ครึ่งเดือนที่จะวัดใจเราทุกคน และชี้ชะตาของการระบาดครั้งนี้ มาตรการที่ออกมานั้น มุ่งจะให้คนทุกคนในประเทศช่วยกันอยู่นิ่ง ๆ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เพราะการระบาดกระจายไปทั่ว ก้าวออกจากบ้านแต่ละครั้งล้วนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจนำเชื้อมาแพร่แก่สมาชิกในบ้าน คนรักคนใกล้ชิด

คำว่าล็อคดาวน์ และเคอร์ฟิว ดูจะเป็นยาขมที่แสลงใจของหลายฝ่าย จึงออกมาในรูปแบบการรณรงค์ ขอร้องให้ทำกัน แทนที่จะบังคับกัน ดังนั้นการควบคุมการระบาดจะสำเร็จหรือไม่ จึงอยู่ที่ประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคม ถึงเวลาที่ต้องตระหนักถึงภาวะวิกฤตที่เรากำลังเผชิญ ถึงเวลาที่ต้องทราบว่ามันใกล้ตัวทุกคน ถึงเวลาที่ต้องรู้ว่าโควิด-19 ครั้งนี้มันโหด แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 65-82% และรุนแรง ทำให้ป่วยมากขึ้นเร็วขึ้น เสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น 67%

ถึงเวลาที่ต้องแคร์ เพราะหากปล่อยไว้ นอกจากจะติดกันระนาว ตายกันเป็นใบไม้ร่วง ระบบเศรษฐกิจจะล้ม ยากที่จะเยียวยา และส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และถึงเวลาที่ต้องช่วยร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ เพื่อปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของตนเองและคนที่เรารัก

อยู่บ้านนะครับ ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และใช้เวลาให้สั้น ใส่หน้ากากเสมอ ปิดปาก ปิดจมูก ใส่สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า จะป้องกันได้ดีขึ้น พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดต่อ ใช้ล้างมือบ่อย ๆ หลังจับต้องสิ่งของสาธารณะ เลี่ยงการพบปะคนอื่น อยู่ห่างกับคนอื่นอย่างน้อยหนึ่งเมตร เลี่ยงการกินดื่มในร้านอาหารโรงอาหารศูนย์อาหารตั้งแต่บัดนี้ ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า

งดตะลอนท่องเที่ยว ไม่นัดพบปะสังสรรค์กับใครต่อใคร ไม่งั้นจะเสี่ยงที่จะกลายเป็น “เราจะไม่ได้เที่ยวด้วยกันอีก” หากไปทำธุระข้างนอกบ้าน กลับบ้านมา อย่าเพิ่งไปคลุกคลีกับคนในครอบครัว ให้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเสมอ สั่งดีลิเวอรี่ อย่าลืมสเปร์ยแอลกอฮอล์ และล้างมือทุกครั้ง หากไม่สบาย ให้แยกจากคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด หยุดงาน และรีบไปตรวจรักษา ช่วยเหลือแบ่งปันคนที่ลำบากกว่าเรา ตามกำลังที่เราพอมี ประเทศไทยต้องทำได้ และต้องอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน ด้วยรักและห่วงใย