“ขมิ้นชัน” ถึง “ฟ้าทะลายโจร”

เรียกว่าเกาะกระแส “โควิด-19” ทันท่วงที เมื่อกลุ่มทิปโก้ปรับไลน์การผลิตไม่ใช่มีแค่น้ำผลไม้ แต่มีนวัตกรรมเพื่อต่อกรกับไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก ล่าสุด เดือนพฤษภาคม 2564 ทิปโก้ ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรสกัดตัวใหม่ “ฟ้าทะลายโจรสกัด” ต่อจาก “ขมิ้นชัน” ที่พัฒนาเทคโนโลยีการปลูกและการสกัดของบริษัท มีแหล่งวัตถุดิบอยู่ที่อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี

“ยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล” ซีอีโอ บมจ. ทิปโก้ฟูดส์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีสมุนไพรดี ๆ จำนวนมาก และมีหลายชนิดที่ถูกนำมาทดลองใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ร่วมกับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน ตามที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเปิดเผยเมื่อ 20 เมษายน 2564 (อ้างอิง https://news.thaipbs.or.th/content/303508) ว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดอักเสบ ลดไข้ผู้ป่วยโควิดอาการน้อย และสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี ซึ่งผลศึกษา 9 โรงพยาบาล 304 ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย และไม่มีอาการปอดบวม หลังให้ยาฟ้าทะลายโจร 180 มก.ต่อวัน รวม 5 วัน และพบว่าทุกรายอาการดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วย เช่น รพ.สนามธรรมศาสตร์

ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรดั้งเดิมที่ใช้รักษาหวัดและอาการเจ็บคออันเกิดจากเชื้อไวรัส ภาครัฐรับรองอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปัจจุบันในท้องตลาดมี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ แบบที่ 1 เม็ดผงบดบรรจุแคปซูล ซึ่งองค์การอาหารและยา (อย.) กำหนดความเข้มข้นของสารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) ไม่ต่ำกว่า 1% กรณีเม็ดผงบด 400 มก./เม็ด มีสาร 4 มก./เม็ด กรณีเป็นหวัดทั่วไปต้องได้สาร 60 มก./วัน จึงต้องทาน 15 เม็ด/วัน (เท่ากับ 4 เม็ด/มื้อ ที่ 4 มื้อ/วัน) กรณีทดลองโควิด หากต้องการสาร 180 มก./วัน ต้องทานแบบเม็ดผงบด 45 เม็ด/วัน

แบบที่ 2 แบบเม็ดสารสกัดบรรจุแคปซูล มีความเข้มข้นของแอนโดรกราโฟไลด์สูง 20 มก./เม็ด หากต้องการสาร 60 มก./วัน ก็ทานแบบเม็ดสกัด 3 เม็ด/วัน หากต้องการสาร 180 มก./วัน ก็ทาน 9 เม็ด/วัน ซึ่งผู้บริโภคจะสะดวกขึ้น ไม่ต้องทานยาเป็นกำ สารออกฤทธิ์ค่อนข้างคงที่ จึงเป็นประโยชน์ต่อการรักษา