ภูมิคุ้มกันหมู่ ทางออกป้องเด็กเล็ก จากโควิด-19

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกนี้ เริ่มมีเด็กติดเชื้อไวรัสมากขึ้น แม้จะมีวัคซีนป้องกันแล้วก็ตาม แต่วัคซีนที่มีในประเทศไทยยังไม่สามารถใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ เพราะฉะนั้นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในผู้ใหญ่เป็นอีกแนวทางที่จะช่วยปกป้องเด็ก ๆ ได้

แพทย์หญิงรติ ดิวิทยา กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัจจุบันการติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กที่พบมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการระบาดภายในประเทศ ดังนั้น ความเสี่ยงที่พ่อแม่ หรือคนในบ้านติดมาจากข้างนอกโดยไม่รู้ตัว แล้วกลับมาแพร่เชื้อสู่เด็กจึงมีมากขึ้น ขณะเดียวกัน ในกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นก็สามารถติดเชื้อนี้ได้ เมื่อออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน

ไม่ว่าเด็กเล็กหรือเด็กโต ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจะเหมือนผู้ใหญ่ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร อาการทางผิวหนัง หรืออาจไม่มีอาการก็ได้ และมีแนวโน้มอาการที่รุนแรงขึ้นได้เช่นกัน ถ้าเด็กมีโรคประจำตัว เช่น ภาวะอ้วน โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคไต โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือติดเชื้อในเด็กทารก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่ดี

ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงและผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง แต่วัคซีนที่มีใช้ในไทย อาทิ Sinovac และ AstraZeneca ยังไม่สามารถฉีดในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัยมากพอที่จะนำมาฉีดให้กับเด็ก ส่วนวัคซีน Pfizer สามารถฉีดในเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่มีในไทย ดังนั้น ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี และมีเด็กอยู่ในบ้าน ควรรีบไปรับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคม ลดการแพร่เชื้อไวรัสสู่เด็ก

ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโควิดไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100 % แต่จะช่วยลดโอกาสป่วยเป็นโรค และช่วยลดความรุนแรงของโรค หากติดเชื้อแล้วยังมีโอกาสแพร่ต่อให้คนอื่น ๆ ได้ พ่อแม่ควรดูแลเรื่องสุขอนามัยต่อเนื่อง เพื่อปกป้องเด็ก ๆ เช่น

– ไม่ไปในที่ชุมชน หรือพื้นที่แออัดโดยไม่จำเป็น

– เมื่อกลับมาถึงบ้าน ควรล้างมือ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนอุ้มหรือเล่นกับเด็ก

– ล้างมืออย่างถูกต้องเป็นประจำ ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน

– พ่อแม่ควรสังเกตอาการตัวเองและลูก ๆ หากเริ่มไม่สบาย ควรรีบมาตรวจให้แน่ใจ

– หากจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในระหว่างที่รอผล ควรแยกตัวออกจากผู้อื่น ไม่ไปในที่ชุมชน

– สมาชิกทุกคนในครอบครัว ควรรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี และเด็กควรรับวัคซีนต่าง ๆ ตามกำหนดที่แพทย์นัด

หากผู้ปกครองติดเชื้อโควิด-19 ผู้ที่จะมาดูแลเด็กแทนต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี แข็งแรง ไม่ควรให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวมาดูแลแทน เพราะถ้าคนกลุ่มนี้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 จะมีโอกาสเกิดเป็นโรครุนแรงถึงชีวิตได้ง่ายกว่าผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี

“เชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสระบาดในระยะยาว ซึ่งเด็กเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ อนาคตเมื่อมีข้อมูลความปลอดภัยของวัคซีนแล้ว เด็กก็ควรได้รับวัคซีนเช่นกัน แต่ระหว่างนี้เด็ก ๆ ควรได้รับการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ และพ่อแม่ หรือคนในบ้าน ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด”