นพ.มานพ แนะนำสูตรวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า ไขว้ mRNA ได้ภูมิสูงและรวดเร็วกว่า สามารถร่นระยะห่างการฉีดเหลือเพียง 4 สัปดาห์ ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 2 ให้ผู้ใหญ่ก่อนเด็กที่ยังไม่ได้ฉีด
วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @manopsi โดยระบุว่า ถ้า Pfizer vaccine มา 20 ล้าน doses ตั้งแต่ ต.ค.แล้วเปลี่ยนสูตรฉีดเป็น AZ-mRNA เราจะกระจายวัคซีนประสิทธิภาพสูงให้คน 20 ล้านคน แทนที่จะเป็น 10 ล้านคน โดยรวมจะได้ภูมิสูง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ถ้า Pfizer vaccine มา 20 ล้าน doses ตั้งแต่ ตค แล้วเปลี่ยนสูตรฉีดเป็น AZ-mRNA เราจะกระจายวัคซีนประสิทธิภาพสูงให้คน 20 ล้านคนแทนที่จะเป็น 10 ล้านคน แถมระยะห่างการฉีดสามารถร่นเหลือ 4 สัปดาห์แทนที่จะต้องรอ 2-3 เดือนตามสูตร AZ-AZ เดิม
โดยรวมจะได้ภูมิสูงและเร็วสุดด้วยสูตรนี้
— manopsi (@manopsi) July 29, 2021
อีกทั้งยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้สอบถามว่า ถ้าฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรกแล้วฉีดโมเดอร์นาเป็นเข็มที่สอง ภูมิคุ้มกันจะดีหรือไม่ นพ.มานพ ตอบกลับว่า ทำได้ครับ ผลไม่ต่างจากการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าผสมไฟเซอร์
ต่อมาผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้สอบถาม นพ.มานพ ถึงกรณีเด็กที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งรอวัคซีนไฟเซอร์อยู่ หากนำมาฉีดเป็นเข็มที่สองให้กับผู้ใหญ่หมด อาจทำให้จำนวนวัคซีนไม่เพียงพอต่อการฉีดในเด็ก นพ.มานพชี้แจงว่า
เด็กคงต้องทยอยฉีดตามมาครับ เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลกที่เริ่มในผู้ใหญ่ก่อน ผู้ใหญ่เสี่ยงกว่า ป่วยหนักมากกว่า อัตราตายสูงกว่าครับ เด็กจะพลอยได้การป้องกันทางอ้อมไปด้วยถ้าผู้ปกครองและคนรอบตัวฉีดวัคซีนแล้ว
เวียดนามเดินหน้าฉีดแอสตร้าฯผสมไฟเซอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวแชนเนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่า ทางการเวียดนามจะผสมและจับคู่วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากผู้ผลิตต่างรายกัน โดยจะมอบทางเลือกให้ประชาชนฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ของบริษัท “ไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค” ได้ ถึงแม้จะฉีดวัคซีนโดสแรกเป็นของบริษัท “แอสตร้าเซนเนก้า” ก็ตาม
WHO หวั่นประชาชนตัดสินใจเอง
วันเดียวกัน รอยเตอร์ส รายงานว่า หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก แนะนำไม่ให้ผสมและจับคู่วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากผู้ผลิตหลายราย โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “เทรนด์ที่อันตราย” เนื่องจากมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ
ดร.โสมยา สวามีนาธาน ระบุว่า แต่ละบุคคลไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง หน่วยงานด้านสาธารณสุขสามารถตัดสินใจเรื่องนี้โดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลจากการศึกษาเรื่องการผสมและจับคู่วัคซีนต่าง ๆ นั้น ยังอยู่ระหว่างรอคอย จำเป็นต้องประเมินทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย