29 กันยายน วันหัวใจโลก : รู้เท่าทัน “หัวใจ” ก่อนเสี่ยงเสียชีวิต

29 ก.ย. วันหัวใจโลก : เรารู้จักหัวใจของตัวเองดีแค่ไหน ?
ภาพจาก pixabay

ชวนทำความรู้จัก “โรคหัวใจ” เนื่องในวันหัวใจโลก พบสถิติการเสียชีวิตปีละ 2 หมื่นคน แพทย์แนะวิธีสังเกตอาการ

วันที่ 29 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หัวใจถือเป็นอวัยวะขนาดเล็ก แต่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก ประเทศไทยพบป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดกว่า 4 แสนราย และเสียชีวิตถึง 2 หมื่นรายต่อปี เนื่องจากเป็นโรคที่ผู้ป่วยจะไม่ทราบได้ทันทีว่าตนเองป่วยเป็นโรคนี้

เนื่องในวันหัวใจโลก (29 ก.ย.) รศ.นพ.สุพจน์ ศรีมหาโชตะ สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุปนายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้ความรู้และตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหัวใจ ไว้ดังนี้

ทำไมเป็นโรคหัวใจกันเยอะ?

ในปัจจุบัน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ นับได้ว่าเป็นโรคหัวใจที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด โดยเกิดจากผนังของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary) เสื่อมสภาพ ส่งผลทำให้ไขมันและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ก่อตัวหนาขึ้นและทำให้เกิดการอุดตันภายในหลอดเลือดหัวใจ เป็นเหตุให้หลอดเลือดหัวใจเกิดการตีบและตัน ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดภายในหัวใจมีประสิทธิภาพลดลงและสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ

ท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลให้เกิด “ภาวะหัวใจล้มเหลว” ได้ในที่สุด ซึ่งนอกเหนือจากปัจจัยด้านอายุ เพศ ที่ส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแล้ว ปัจจัยทางพันธุกรรม อย่างการมีพันธุกรรมผิดปกติ การมีฮอร์โมนทางเพศไม่สมดุล หรือพันธุกรรมที่ส่งผลให้เกิดไขมันมากผิดปกติ เป็นต้น

และปัจจัยด้านพฤติกรรมและปัญหาสุขภาพ ที่มีความเสี่ยง และส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจเสื่อมสภาพ อย่างการสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยเช่นกัน

ลดเสี่ยงเบาหวาน-ความดัน = ลดเสี่ยงโรคหัวใจ

สิ่งที่สำคัญในการลดอัตราการเกิดโรคหัวใจคือการควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยง ดูแลรักษาสุขภาพและลดปัจจัยเสี่ยงของโรคอื่น ๆ อย่าง โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคอ้วน ฯลฯ ที่มีปัจจัยเกี่ยวเนื่องและส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจเสื่อมสภาพได้

นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายให้พอเหมาะไม่หนักเกินไปอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อสุขภาพและการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ เช่น การสูบบุหรี่ ควบคุมอาหารและทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูงจนเกินไป จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจหาความเสี่ยงและวางแผนการป้องกัน

เนื่องจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ภาวะรุนแรงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อชีวิต อย่าง “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” และ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” ซึ่งเป็นผลมาจากไขมันที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดเกิดการแตกตัวออกและเกิดลิ่มเลือดอุดตันแบบเฉียบพลัน

เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดข้อบ่งชี้ที่แสดงอาการของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกในขณะออกกำลังกาย มีอาการเหนื่อยผิดปกติ หรืออาจจะมีอาการเป็นลมล้มหมดสติ ซึ่งจะต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ดูอาการและรักษาโดยด่วนเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเฉียบพลันและเสียชีวิตนั่นเอง

วิธีการตรวจเช็กความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

  • หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคหัวใจ
  • การตรวจแบบ Thai CV Risk Score เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคในอีก 10-20 ปีข้างหน้าจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัญหาสุขภาพ

วิธีการสังเกตอาการเสี่ยงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

  • มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือเหนื่อยผิดปกติในขณะออกกำลังกาย อาการจะดีขึ้นเมื่อได้พักหรือได้ยาอมใต้ลิ้น
  • รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กและทำการรักษา

วิธีการสังเกตอาการเสี่ยงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

  • มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกมากเป็นเวลานานติดต่อกัน 20 นาทีหรือมากกว่า
  • รับประทานยาบรรเทาอาการแล้วยังไม่ดีขึ้น
  • เป็นลมหมดสติ
  • มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ
  • ควรรีบเข้าพบแพทย์หากเริ่มมีอาการหรือเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
  • ติดต่อศูนย์เอราวัณ สายด่วน 1669 เพื่อประสานเข้ารับผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด