ดวงเมืองไทย “เดือนดับ (อมาวสี) หรือเดือนเดือด” ในทางโหราศาสตร์

ก่อนอื่นขอร่วมไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ท่านเป็นบุคคลผู้สร้างคุณงามความดีและท่านเป็นผู้มีบทบาทอย่างสูงต่อการเมืองไทยมายาวนาน

นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา จวบจนถึงวันที่เขียนบทความฉบับนี้ (8 มิถุนายน 2562) ประเทศไทยได้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ได้นายกฯ คนเดิม

ผู้เขียนได้พยากรณ์ไว้ในบทความเรื่อง “ผ่าดวง ช่วงชิงเก้าอี้นายกฯ” สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่(https://www.matichonweekly.com/special-report/article_182484) สะท้อนให้เห็นว่า คนเก่งกับคนดวงเฮงนั้นอย่างไหนดีกว่ากัน ยิ่งมีคนเกื้อกูล สนับสนุน เจอแบ๊กอัพที่ดี ทำอะไรก็ยิ่งรุ่ง เสียงคำตำหนิติติง ความไม่ชอบใจ ก็ไม่อาจต้านทานได้

ประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ของไทยต้องบันทึกไว้เป็นกรณีศึกษาในหลากหลายแง่มุม

บทเรียนทางการเมืองที่น่าสนใจมากมายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากผลการเลือกตั้งก็เห็นได้ชัดเจนว่า พรรคคลื่นลูกใหม่ พลังคนรุ่นใหม่ได้รับเลือก ส.ส.มากกว่าเป็นเท่าตัว เอาชนะพรรคใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เคยวางตัวว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ตามที่หัวหน้าพรรคถึงขั้นประกาศว่า “ถ้าได้ต่ำกว่า 100 ที่นั่งจะลาออก”

นี่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความประหลาดใจ ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ปัจจัยต่างๆ ที่ยากแก่การควบคุม อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ดวงใครดีก็ย่อมมีชัย เป็นเรื่องธรรมดาตามวิถีของดวงดาว

รูปแบบของคณะรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการรวมตัวของหลายๆ ขั้วพรรคการเมือง ผู้เขียนได้เขียนไปแล้ว สนใจเชิญอ่านคำพยากรณ์ในบทความเรื่อง “จับยาม สามตา จัดตั้งรัฐบาล” ตามลิงก์นี้ https://www.matichonweekly.com/lifedaung/article_193147 พอรู้ว่าใครได้เป็นนายกฯ แล้ว ก็เตรียมจับขั้วกันจัดตั้งรัฐบาล

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น

ในระยะเดือนนี้จะเป็นช่วงเดือนเดือด!!!! ตั้งแต่วันพระจันทร์ดับ หรือวันอมาวสี (New Moon) 3 มิถุนายน พ.ศ.2562 เดือนนี้การเมืองร้อนแรง ดุเดือด เข้มข้น ความวุ่นวายยังไม่จบง่ายๆ ก่อนจะถึงช่วงดวงชะตาในไตรมาสรอบใหม่ วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2562 ยิ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างดุเดือด เด่นชัดขึ้นทุกทีๆ

ต่างฝ่ายต่างเร่งเจรจาต่อรองผลประโยชน์ต่างๆ ให้กับตนเองและพรรค เพื่อความคุ้มค่าที่สุด ช่วงเวลานี้คอการเมืองต้องคอยติดตามข่าวสารอย่าได้พลาดแม้เสี้ยววินาทีเดียว เพราะเรื่องผลประโยชน์ต้องมาก่อน

ขณะนี้การเมืองไทย พรรคการเมืองต่างๆ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน ชิงไหวชิงพริบ ใครจะอยู่ข้างใคร พรรคเล็ก พรรคกลาง พรรคใหญ่ ล้วนแล้วต่างก็มี ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นตัวแปรที่จะมีส่วนร่วมในการจับขั้วทางการเมือง

ท่ามกลางกระแสของความเปลี่ยนแปลงอย่างที่เห็นได้ชัดๆ แบบพอรางๆ จากผลการเลือกตั้งด้วยจำนวน ส.ส.ว่า คนส่วนใหญ่ต้องการความสงบ เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนผลักดันการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ไปพร้อมๆ กันทุกๆ ด้าน กับกระแสที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองแบบเดิมๆ นักการเมืองเดิมๆ

การบรรจบกันเพื่อให้ทุกอย่างลงตัวอย่างไร้ร่องรอยฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนไปไม่ให้ต้องสะดุด ติดๆ ขัดๆ ก็จะนำไปสู่การเมืองที่น่าสนใจที่สุด ที่ต้องเฝ้าจับตามอง เรียนรู้ ศึกษาวิเคราะห์กันไป ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม พรรคการเมืองใดจะเป็นพรรคแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล

แต่ในที่สุดก็จะเป็นรัฐบาลที่จะตกอยู่ในสภาพที่ไร้เสถียรภาพ ขาดความมั่นคง เพราะสภาล่างขาดความเป็นปึกแผ่นอันหนึ่งอันเดียวกัน โอกาสที่จะผลักดันและการบริหารประเทศในระยะยาวนานให้ครบวาระ เห็นทีว่าจะต้องลำบากอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ในรอบเดือนนี้ ตั้งแต่วันอมาวสี (จันทร์ดับ) ภาพดาวจะส่งผลให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนขึ้น ก่อนที่อาทิตย์จะย้ายเข้าสู่ช่วงครีษมายัน (Summer Solstice) ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2562 ที่จะถึงนี้ ดวงดาวต่างๆ จะสอดรับต่อเนื่องกันของเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญๆ หลายฝ่ายต่างวิตกกังวลว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ จากกระแสข่าวที่ว่าอาจจะมีฝ่ายทหารเข้ามาควบคุมให้สถานการณ์และบ้านเมืองสงบ ในฝ่ายดูแลความมั่นคงของประเทศก็จะต้องเฝ้าระวัง เตรียมการไว้ให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา

สิ่งที่ต้องระวัง การเกิดเหตุการณ์เล็กๆ แล้วเป็นชนวนให้เกิดเหตุใหญ่ขึ้น เหตุเกิดซ้ำๆ การเกิดการทะเลาะวิวาท การถึงแก่กรรมของบุคคลสำคัญหรือคนมีชื่อเสียง การเกิดอุบัติภัย การเกิดระเบิดในสถานที่เสี่ยง หรือที่คาดไม่คิด

ดังนั้น ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ความลำบากของประชาชนในช่วงน้ำท่วมทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์

อีกทั้งเรื่องไฟไหม้ที่เกิดขึ้นหลายแห่งก็เป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังด้วย

กระแสข่าวลือ ข่าวกรองใดๆ ก็ตาม ประชาชนเมื่อได้รับฟังข่าวสารต้องพิจารณาจากหลายๆ แหล่งข่าว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนในฐานะประชาชนของประเทศต่างมีความหวังอยากจะให้ประเทศของเรามีความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยได้รับการสนับสนุนจากการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือและการยอมรับจากนานาประเทศ

สำหรับโครงการก่อสร้างต่างๆ ก็ยังคงดำเนินต่อเนื่องไป การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมหภาคนั้นจะเปิดโอกาสให้มีการร่วมมือและการลงทุนร่วมกันกับต่างชาติ

ส่วนภาคครัวเรือนนั้น ประชาชนยังต้องลำบากในการทำมาหากิน รายได้น้อย ค่าครองชีพสูงขึ้น แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่พร้อมจะสู้งานและรับค่าแรงต่ำกว่าคนไทยมีโอกาสจะได้ทำงาน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแรงงานไทยที่เลือกงานทำ

แรงงานต่างด้าวจะเข้ามายึดพื้นที่ทำกินของแรงงานไทย

 


ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์