วิธีประหยัดเงินค่าเดินทางแบบง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน

พวกเราที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ก็ล้วนที่จะต้องเดินทางไปที่ทำงานกันทั้งนั้น ส่วนวิธีการเดินทางก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะสะดวกอย่างไร บางคนก็ใช้รถส่วนตัว บางคนก็ใช้บริการขนส่งสาธารณะ แต่ไม่ว่าจะเลือกเดินทางแบบไหน ก็ล้วนมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งนั้น ยิ่งบางคนอยู่ไกลจากที่ทำงานมากๆ ค่าเดินทางก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย และในเมื่อค่าเดินทางถือเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็เลือกที่จะประหยัดค่าเดินทางแทนก็ได้ วันนี้ MoneyGuru.co.th จึงมี วิธีประหยัดเงินค่าเดินทางแบบง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน มาฝากกัน เพื่อที่จะช่วยให้พวกเรานั้นประหยัดเงินในส่วนนี้กัน และมีเงินเหลือเพื่อใช้ในส่วนอื่นๆ มากขึ้น
วิธีประหยัดเงินค่าเดินทางแบบง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน

ใช้จักรยานยนต์ในการเดินทางไปทำงาน

หากใครที่มีค่าเดินทางอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 3,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน ก็ถือว่ามีค่าเดินทางไปทำงานที่สูงพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นเราอาจจะเลือกใช้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการนำไปผ่อนจักรยานยนต์สักคันเป็นของตัวเองเพื่อเอาไว้เดินทางไปทำงาน แทนการจ่ายค่าเดินทางไปแบบเสียเปล่าไม่ได้อะไรกลับมาเลย ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว และนอกจากจะสามารถใช้เดินทางไปทำงานแล้ว เรายังสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเราได้อีกด้วย เช่น ซื้อกับข้าว เป็นต้น นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นมาหากเราตัดสินใจผ่อนจักรยานยนต์สักคัน ก็คือ ค่าน้ำมัน นั่นเอง ซึ่งค่าน้ำมันเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท (อาจมีมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและการใช้งานของเรา รวมถึงการขึ้นลงของราคาน้ำมันด้วย)

รวมแล้วๆ หากเราผ่อนจักรยานยนต์เราจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 3,000 บาท เข้ามาทดแทนค่าเดินทางของเราครับ และเมื่อเราผ่อนครบกำหนดค่าใช้จ่ายของเราก็จะเหลือแค่ค่าน้ำมันเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดเงินไปได้อีกนั่นเอง แถมการขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานในช่วงเช้ายังช่วยให้เราหลีกเลี่ยงปัญหารถติดไปได้พอสมควรเลยทีเดียว เพราะจักรยานยนต์นั้นสามารถซอกแซกได้นั่นเอง นอกจากนี้อย่าลืมใส่หมวกกันน็อคในตอนที่ขับขี่รถจักรยานต์เสมอนะครับ เพื่อความปลอดภัยของเรา

ย้ายมาพักใกล้ที่ทำงาน

หากใครไม่สันทัดที่จะผ่อนจักรยานต์หรือขับรถ ก็อาจจะเลือกวิธีการหาที่พักใกล้ที่ทำงานก็ได้ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนจากเงินค่าเดินทางมาเป็นค่าพักแทน โดยหากเป็นไปได้ให้เราเลือกที่พักที่มีราคาใกล้เคียงกับค่าเดินทางของเรา จะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับเรานั่นเอง โดยการย้ายมาพักใกล้ที่ทำงานนั้นก็มีข้อดีอยู่ว่า เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นนั่นเอง แต่อาจจะต้องแลกกับความเหงานิดหน่อยนะ เพราะบางคนเคยอยู่บ้านอาจจะได้เจอหน้ากับสมาชิกในครอบครัวทุกวัน แต่พอย้ายมาพักใกล้ที่ทำงาน โอกาสเจอหน้าก็จะน้อยลง แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น เราสามารถที่จะใช้วิดีโอคอล กลับไปดูหน้าสมาชิกที่บ้านได้ทุกเมื่อ เรียกว่าคิดถึงเมื่อไหร่ก็เห็นหน้าได้เลยเมื่อนั้น จากนั้นพอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ค่อยกลับไปกอดให้เต็มที่เลยก็ได้ครับ

แต่ไม่ว่าจะเลือกที่พักแบบไหนก็อย่าลืมดูในเรื่องของความปลอดภัยด้วยนะครับ ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วระบบรักษาความปลอดภัยต้องยิ่งดีมากๆ ครับ

ย้ายมาทำงานใกล้บ้าน

หากไม่อยากผ่อนจักรยานยนต์ และ ไม่อยากย้ายไปพักใกล้ที่ทำงาน ก็เหลือตัวเลือกที่ว่า ย้ายที่ทำงานมาใกล้นั่นเอง ซึ่งการย้ายมาทำงานใกล้บ้านนั้นนอกจากเราจะได้ประหยัดเงินค่าเดินทางและเวลาในการเดินทางแล้ว บางครั้งยังช่วยให้เราประหยัดค่าข้าวได้อีกด้วย เพราะมื้อกลางวันเรากลับมาทานที่บ้านได้นั่นเอง ซึ่งหากใครกำลังเป็นทุกข์เรื่องค่าเดินทางและไม่อยากเลือกสองตัวเลือกที่แนะนำไป ก็ลองมองที่ตัวเลือกนี้ดูนะครับ และการย้ายมาทำงานใกล้บ้านนี้ คือการที่เราเปลี่ยนงานใหม่ให้ที่ทำงานอยู่ใกล้บ้านนะครับ ไม่ใช่การย้ายที่ทำงานเก่าที่เราทำอยู่มาใกล้บ้านเรานะครับ

เปลี่ยนวิธีการเดินทาง

หากไม่อยากจะทำตามคำแนะนำด้านบน และเราอยากจะลองแก้ปัญหาในเบื้องต้นดูก่อน ก็ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนวิธีการเดินทางไปที่ทำงานดูครับ จากใช้รถไฟฟ้า เราก็อาจจะลองเปลี่ยนมาเป็นนั่งรถเมล์ดูครับ แต่อย่าลืมนึกถึงข้อดีและข้อเสียประกอบการตัดสินใจไปด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นบางครั้งค่าใช้จ่ายลดลงก็จริง แต่ว่าเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นเป็นชั่วโมงแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นะครับ เพราะเราอาจจะไปทำงานสายได้ง่ายๆ นั่นเอง

ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง ดังนั้นหากว่าค่าเดินทางเป็นอุปสรรคในการไปทำงานเป็นอย่างมาก ก็หันมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนจะดีกว่าครับ เพราะหากเราเดินทางได้สะดวกและไม่ต้องหนักใจกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็จะทำให้เราสามารถทุ่มสมองและความสามารถไปกับการทำงานได้เต็มที่ยิ่งขึ้นครับ