Nipputa-Malapinn ศิลปะกระดาษกับกลิ่นบำบัด สวยทั้งรูปจูบก็หอม

ใครที่ชอบสิ่งของน่ารัก คิกขุ ถ้าได้เห็นโปรดักต์ของแบรนด์ Malapinn (มาลาภิญญ์) จะต้องร้องกรี๊ดเป็นแน่ เหมือนกับที่ทีมงานของเราได้เห็นกระดาษที่ทำเป็นรูปทรงดอกไม้สวยงามน่าทะนุถนอมวางขายในโซนไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) ของไอคอนสยามที่รวบรวมงานคราฟต์หลากหลายแขนงมาอวดโฉมในที่เดียว

Malapinn เป็นแบรนด์กระดาษกระจายกลิ่น ขายคู่กับ essential oil แบรนด์ Nipputa (นิพพูตา) เป็นคู่ชื่อไพเราะคล้องจองว่า “นิพพูตา มาลาภิญญ์” ซึ่งมีจุดเด่นและคุณภาพชั้นเยี่ยม เมื่อใช้งานร่วมกันจึงครบครันทั้งรูปงามและกลิ่นหอม เป็นมิตรต่อร่างกาย

สิรินทร์ ยงพัฒนาสิน ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Malapinn และ Nipputa เล่าความเป็นมาว่า เริ่มจากพี่สาวของเธอไปเข้าคอร์สเรียนการเบลนด์ออยล์ธรรมชาติจากทายาทของคนที่คิดค้นเรื่องกลิ่นบำบัดที่เยอรมนี แล้วกลับมาทำใช้เอง

เมื่อสิรินทร์ได้ดมกลิ่นออยล์ที่พี่สาวนำมาฝาก ตัวเธอซึ่งเป็นคนเซนซิทีฟเรื่องกลิ่นรู้สึกว่ากลิ่นที่ดมเข้าไปนั้นมีผลต่อร่างกาย เธอศึกษาพบว่ากลิ่นส่งผลต่อการเปลี่ยนคลื่นสมอง มีผลต่ออารมณ์ และคลื่นสมองก็ส่งผลต่อร่างกายองค์รวม เธอจึงอยากเอามาทำขาย

เธอเริ่มจากโจทย์ที่ต้องสร้างความแตกต่างจากโปรดักต์ที่ขายอยู่ในท้องตลาด ด้วยความที่เธอหลงใหลคลั่งไคล้กระดาษ และรู้ว่ากระดาษกระจายกลิ่นได้ จึงเกิดไอเดียว่าจะเอากระดาษมาดีไซน์สวย ๆ เป็นตัวกระจายกลิ่นที่มีความสวยงามไปในตัว

“ถึงแม้ว่า essential oil ของเราดีแค่ไหน แต่ลูกค้าจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันดีแตกต่างยังไงกับแบรนด์อื่น สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างได้ก็คือ กระดาษกระจายกลิ่น”

เธอเริ่มออกแบบเป็นอุบะ โดยได้แรงบันดาลใจจากการร้อยมาลัย และคอลเล็กชั่นต่อมาก็ยังคงคอนเซ็ปต์เป็นดอกไม้ โดยเธอทำเองคนเดียวทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ เลือกกระดาษ ย้อมสี ประกอบขึ้นรูป

ส่วน essential oil มี 6 กลิ่น เธอเป็นคนคิดให้โจทย์ว่าอยากได้กลิ่นแบบไหน แล้วพี่สาวเป็นคนเบลนด์ ซึ่งทุกกลิ่นเกิดจากการเบลนด์น้ำมันจากพืชหลายชนิดเข้าด้วยกัน

มีเพียงกลิ่นส้มเท่านั้นที่เป็นกลิ่นเดี่ยว เหตุผลที่ต้องเป็นกลิ่นผสมเพราะแต่ละกลิ่นมีคุณสมบัติต่างกัน เมื่อหลายกลิ่นมารวมกันจะช่วยบำบัดหลายด้าน

ด้านความสวยงามนั้นเห็นได้ชัดอยู่แล้ว ส่วนด้านคุณภาพเธอการันตีว่า เป็นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้แต่สีที่ย้อมกระดาษก็เป็นสีจากธรรมชาติ

Malapinn ได้รับรางวัล Genius Academy 2017 จากกระทรวงอุตสาหกรรม และเข้าสู่ตลาดครั้งแรกที่สยามพารากอนก่อนจะไปที่ไอคอนคราฟต์ ขณะเดียวกัน เธอก็ไปขายตามงานที่คิดว่าตรงกลุ่มเป้าหมาย

สิรินทร์บอกว่า พอใจกับผลตอบรับ เวลาไปออกงานต้องเติมของหลายรอบ เคยไปออกงานที่ญี่ปุ่น มีบริษัทที่ญี่ปุ่นสั่งให้ทำ 2,000 ชิ้น แต่เธอบอกว่าเธออยากขายแบบบีทูซี ไม่อยากขายบีทูบี ไม่อยากให้โปรดักต์เป็นแมส เพราะไม่ใช่แค่เรื่องความเป็นงานศิลปะ แต่รวมถึงเรื่องต้นทุนด้วย เธอมองว่าบีทูบีจะขายได้ในราคาต่ำ แต่เธอขายราคาต่ำไม่ได้เพราะต้นทุนสูง ทั้งกระดาษ ทั้งน้ำมันหอมระเหยเป็นของคุณภาพดีนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด

ปิดท้ายสิรินทร์แนะวิธีสังเกตเบื้องต้นในการเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหย ว่า ถ้าจะดูว่าเป็นน้ำมันสกัดธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ให้ดูว่าที่ร้านเปิดขวดและเอาไม้เสียบไว้หรือเปล่า และลองถามว่าขวดนั้นอยู่ได้นานเท่าไหร่

ถ้าตอบว่าอยู่ได้เป็นเดือนนั่นคือไม่ใช่ธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะน้ำมันสกัดธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นเปิดขวดทิ้งไว้ไม่ได้เลย เพราะแป๊บเดียวจะระเหยหมด จึงต้องใช้วิธีหยดใส่ตัวกระจายกลิ่นทีละนิด