เที่ยว “เวียนนา” มหานครแห่งเสียงดนตรี แสนสุนทรีย์กับสถาปัตย์และประวัติศาสตร์

ทันทีที่ก้าวเท้าลง Vienna International Airport ซึ่งเป็นวันที่ยุโรปกำลังประกาศเข้าสู่ฤดูร้อน กลับมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้อากาศที่ว่าจะร้อนกลับชุ่มฉ่ำ โดยรอบวันนี้จึงมีร่มหลากสีตัดกับอาคารบ้านเรือนสีพาสเทล มากไปกว่านั้นคือเสียงดนตรีบรรเลงอยู่ทุกมุมตึก เรานั่งรถรอบเมืองกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วรู้สึกว่า “ยินดีที่ได้รู้จักเธอ เวียนนา” เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ที่ว่ากันว่า เป็นมหานครแห่งเสียงดนตรีและความโรแมนติก

กรุงเวียนนา (Vienna หรือ Wien) เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นนครแห่งเสียงดนตรี เพราะนักแต่งเพลงคลาสสิกหลายคน อาทิ บีโธเฟ่น, โมสาร์ท, โยฮันน์ ชเตราสส์ มีต้นกำเนิดจากเมืองนี้ รวมถึงอารยธรรมกรีก-โรมันอันยาวนานจนได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในปัจจุบัน

ทันทีที่เก็บสัมภาระเข้าที่พักผู้เขียนก็ตรงดิ่งไปยังสตัดต์ปาร์ก (Stadt Park) สวนสาธารณะประจำเมืองเวียนนาที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1862 มองเผิน ๆ อาจเป็นสวนเล็ก ๆ ทั่วไป แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ กลับหลงใหลในความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะการออกแบบภูมิสถาปัตย์ที่ลัดเลาะถนนเลียบแม่น้ำทอดยาว ประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสี มีนักดนตรีเปิดหมวกบรรเลง ที่สำคัญคือเต็มไปด้วยรูปปั้นของนักดนตรีเอกของโลก ส่วนรูปปั้นสีทองอร่ามโดดเด่นนั้นคือ โยฮันน์ ชเตราสส์ จูเนียร์ (Johann Strauss, Jr.) ราชาเพลงวอลตซ์ (Waltz) แฟน ๆ ดนตรีคลาสสิกไม่มีใครไม่รู้จักเพลง “The Blue Danube” ของเขา

สถาปัตยกรรมบาโร้กมีความโดดเด่นมากในกรุงเวียนนา และถ้าไปเวียนนาแล้วต้องไปพระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1996 ในอดีตเคยเป็นที่ประทับฤดูร้อนของราชวงศ์ฮาบส์บวร์ก (Habsburg) แห่งออสเตรีย

ตัวอาคารด้านนอกมีสีเหลืองทอง เรียกว่า สีเหลืองมาเรียเทเรซา บวกกับสวนสีเขียวรอบพระราชวังเป็นเสน่ห์ของที่นี่ ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ภายในพระราชวังได้บันทึกความหมายของแต่ละราชวงศ์ไว้ในห้องกว่า 1,441 ห้อง แต่สามารถเข้าชมได้เพียง 40 ห้องเท่านั้น ซึ่งทุกห้องมีความน่าค้นหาด้วยการออกแบบที่บ่งบอกถึงความเป็นไปในยุคนั้น ๆ บางห้องลวดลายผสมผสานศิลปะยุโรป บาโร้ก จีน แตกต่างอย่างลงตัว ทั้งหินอ่อนลายทองและภาพจิตรกรรมฝาผนัง ปัจจุบันวังแห่งนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่เป็นจุดหมายของนักเดินทางต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง

ถัดไปไม่ไกลมีพระราชวังเบลเวเดียร์ (Belvedere Palace) พระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) ผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์ฮาบส์บวร์ก ที่ทำสงครามชนะทัพเติร์กในศตวรรษที่ 18 อาคารพระราชวังเบลเวเดียร์ยังคงความเป็นบาโร้กอันงดงามไว้ 2 หลัง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะออสเตรีย ความโดดเด่นอยู่ตรงภาพวาดที่กุสตาฟ คลิมต์ (Gustav Klimt) ศิลปินเอกของออสเตรียใช้ทองคำในการรังสรรค์ภาพวาดอย่างมีเอกลักษณ์ ภาพวาดที่หลายคนคุ้นชื่อว่า “The Kiss” ก็อยู่ในที่แห่งนี้

บริเวณรอบ ๆ มีคาเฟ่น่ารัก ๆ ฉบับเวียนนาสไตล์ โชคดีที่วันถัดมาเริ่มมีแดด ผู้คนออกมานั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟ เริ่มได้เห็นบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนที่นี่ ซึ่งค่อนข้างจะมีบุคลิกสุขุม นิ่ง แต่พอได้ลองพูดคุยทักทายด้วยแล้วเป็นมิตรมาก ๆ ทีเดียว เที่ยวชมความสวยงามแล้วมาพักชิมอาหารท้องถิ่นกันบ้าง เดินไปตามริมแม่น้ำดานูบจะเห็นสตรีตฟู้ด อาหารที่ขึ้นชื่อต้องยกให้ Wiener schnitzel เป็นเมนูที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นมากโดยเฉพาะที่เวียนนา รสชาติเนื้อปลาชุบแป้งบีบเลม่อนลงไปแล้วลงตัวมาก ๆ

อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ไปไม่ได้ก็คือ จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ซึ่งถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเวียนนา ที่นี่คึกคักมาก เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์สตีเฟน สถานที่ศักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวเวียนนา สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1137 เป็นสถาปัตยกรรมกอธิก ทรงสูง มียอดปลายแหลมหลายยอดเมื่อขึ้นไปบนหอคอยนี้จะได้เห็นทิวทัศน์ทั่วเมืองเวียนนา ชาวออสเตรียผูกพันกับมหาวิหารเซนต์สตีเฟนเป็นอย่างมาก ทุก ๆ ปีตอนเที่ยงคืนของคืนก่อนวันขึ้นปีใหม่ “พุมเมอริน (Pummerin)” ระฆังที่ใหญ่ที่สุดใบหนึ่งของโลกจะดังกังวานขึ้น ทั้งประเทศต่างพากันเฉลิมฉลองความสุขด้วยท่วงทำนองของเพลง Blue Danube

เดินจนพระอาทิตย์เริ่มตกดิน บนถนนคาร์นท์เนอร์มาบรรจบที่โรงละครแห่งแรกของเวียนนา (State Opera House) ว่ากันว่าเป็นโรงอุปรากรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยิ่งตอกย้ำว่านี่คือมหานครแห่งเสียงดนตรี สำหรับใครที่ไม่ได้ตีตั๋วเข้าชมก็มีการถ่ายทอดสดบนจอใหญ่ให้ชมด้านหน้าโรงละครด้วย ทันทีที่ละครจบลงได้เห็นคนหนุ่มสาวแต่งชุดราตรีหรูหราออกมาจากโรงละคร เวียนนายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ผู้เขียนมีเวลาน้อยนิด เพราะจะต้องเดินทางต่อไปยังเมืองอื่น แต่จะกลับมาเยือนที่นี่อีกแน่นอน nice to meet you Vienna… next destination is Lyon, Frence