ถ้านึกถึงวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ประเทศที่คอกาแฟนึกถึงอันดับแรก ๆ ก็คือ อิตาลี ซึ่งแม้จะไม่ใช่ประเทศต้นกำเนิดกาแฟ แต่วัฒนธรรมการดื่มกาแฟของที่นี่มีความโดดเด่นและแพร่หลายไปทั่วโลก หากมองในภาพรวม เมื่อเราไปสั่ง “กาแฟ” (caffe) ในอิตาลี เราจะได้รับกาแฟเอสเพรสโซเหมือน ๆ กัน แต่ถ้าเราใส่ใจรายละเอียดจะพบว่ากาแฟในแต่ละเมืองของอิตาลีมีความแตกต่างกัน ด้วยวิธีคั่ว เมล็ดพันธุ์ และสิ่งแวดล้อมในแต่ละเมืองที่ส่งผลให้รสชาติของกาแฟมีเอกลักษณ์ของใครของมัน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
“ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” ขอชวนไปดูว่าดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้กาแฟแต่ละเมืองของอิตาลีมีความแตกต่างและเกิดเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเมืองคืออะไร โดยผู้ที่ให้ข้อมูลกับเราคือ อนุชิต สงทุ่ง Senior Coffee Specialist ของเนสเพรสโซ ประเทศไทย (Nespresso) บริษัทเจ้าของแบรนด์กาแฟชื่อดังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกาแฟอิตาลี
เนเปิลส์ (Naples)
เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีมีอีกชื่อในภาษาอิตาเลียนว่า นาโปลี (Napoli) เมืองแห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองหลวงด้านกาแฟของประเทศอิตาลี คนท้องถิ่นในเมืองเนเปิลส์มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่จริงจัง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะมีกาแฟของชาวนาโปลีเสิร์ฟเป็นเวลคัมดริงก์ ซึ่งเอกลักษณ์กาแฟในเมืองนี้คือการคั่วเข้ม แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มละมุนหอมมัน ผู้ดื่มจะสัมผัสได้ถึงเนื้อกาแฟที่เข้มข้นที่สุด แต่ยังให้ความกลมกล่อมที่แอบซ่อนความขมเล็ก ๆ ที่ปลายสัมผัส
เวนิส (Venice)
เมืองเวนิส มีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านการนำเข้ากาแฟจากทั่วโลก เป็นเหมือนบ้านที่เป็นศูนย์รวมของกาแฟจากหลากหลายที่ ซึ่งเอกลักษณ์ของกาแฟเมืองเวนิสอยู่ที่การคั่วกาแฟอย่างพิถีพิถันโดยมืออาชีพ เพื่อให้เกิดความสมดุลทางด้านรสชาติจากกาแฟที่แตกต่างกัน ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมพิเศษ ผู้ดื่มจะสัมผัสได้ถึงเนื้อกาแฟที่แน่นจากทุกองค์ประกอบที่ประสานเข้ากันได้อย่างลงตัว
ปาแลร์โม (Palermo)
เมืองทางใต้ของประเทศอิตาลีนี้ได้รับอิทธิพล ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมแบบแอฟริกันและอาหรับ วัฒนธรรมการคั่วกาแฟของเมืองปาแลร์โมจะคล้ายกับของเมืองฟลอเรนซ์ที่ใช้เวลานาน ส่งผลให้ได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้น มีความหนักแน่น นอกจากนั้น การที่เป็นเมืองผสานวัฒนธรรมจากอาหรับ ทำให้ตามตลาดหรือถนนคนเดินเต็มไปด้วยร้านเครื่องเทศ ส่งผลต่อกลิ่นของกาแฟที่นอกจากผู้ดื่มจะสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นในเนื้อสัมผัสของกาแฟแล้ว ยังได้กลิ่นหอมจากเปลือกไม้และเครื่องเทศอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกาแฟจากเมืองปาแลร์โมอีกด้วย
ฟลอเรนซ์ (Florence)
เมืองที่อยู่ใจกลางประเทศอิตาลีแห่งนี้เป็นอีกเมืองที่มีเอกลักษณ์ในการคั่วกาแฟ ด้วยการคั่วที่ใช้เวลานาน ทำให้คุณลักษณะแต่ละส่วนของกาแฟเด่นชัดออกมา กลายเป็นกลิ่นที่เข้มข้น ซึ่งมีความละม้ายคล้ายกับกลิ่นของโกโก้ ผู้ดื่มจะสัมผัสได้ถึงความละมุน ความเปรี้ยวฟรุตตี้ ผสานกับกลิ่นโกโก้คั่วไหม้ มีความเข้มข้นหอมมันละมุนลิ้นจากรสชาติของกาแฟที่ไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไป
โรม (Rome)
เมืองหลวงของอิตาลีมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานและซับซ้อน อย่างไรก็ตาม รสชาติของกาแฟใน กรุงโรม ไม่ได้มีความซับซ้อนเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ของเมือง กาแฟที่เมืองนี้ผ่านการคั่วด้วยความประณีต เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นตามแบบฉบับกาแฟอิตาลี แต่ยังคงมีความสมดุลในทุกแง่มุม ผสานกับรสเปรี้ยวฟรุตตี้อ่อน ๆ เป็นความลงตัวที่คลาสสิก
เจโนวา (Genova)
เจโนวาหรือเจนัว (Genoa) เป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศอิตาลี สมัยก่อนนักเดินเรือออกเดินทางเพื่อค้นหาสมบัติ ซึ่งกาแฟก็เป็นหนึ่งในสมบัติที่ค้นพบจากประเทศในแถบละตินอเมริกา กาแฟเมืองเจโนวาเป็นกาแฟคั่วแบบกลาง ทำให้ค่อนข้างมีความสมดุล เข้ากับรสชาติกาแฟจากประเทศบราซิล โคลอมเบีย และกัวเตมาลา นอกจากจะสัมผัสได้ถึงรสชาติอันกลมกล่อมแล้ว ผู้ดื่มยังได้กลิ่นหอมแนวธัญพืชและคาราเมลอีกด้วย
เสน่ห์เฉพาะตัวของแต่ละเมืองที่ว่ามานั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เนสเพรสโซสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นใหม่ ในกลุ่ม “Ispirazione Italiana” ประกอบด้วย “Ispirazione Napoli” ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมืองเนเปิลส์, “Ispirazione Fi-renze Arpeggio” แรงบันดาลใจจากเมืองฟลอเรนซ์, “Ispirazione Palermo Kazaar” แรงบันดาลใจจากเมืองปาแลร์โม, “Ispirazione Roma” แรงบันดาลใจจากกรุงโรม และ “Ispirazione Genova Livanto” แรงบันดาลใจจากเมืองเจโนวา
แน่นอนว่า การได้ลิ้มลองความพิเศษของกาแฟในประเทศอิตาลีจะทำให้คอกาแฟรู้สึกรื่นรมย์ใจ แต่หากเราสามารถลิ้มรสความพิเศษของกาแฟอิตาลีได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงอิตาลีก็คงจะดีไม่น้อยเลยใช่มั้ยล่ะ