ยิ่งกักตัวยิ่งดื่มหนัก ชาวอเมริกัน-อังกฤษอยู่บ้านทำยอดขายเหล้าเบียร์พุ่ง

ในสถานการณ์ที่คนทั่วโลกกำลังกักตัวอยู่ในบ้าน เลี่ยงการออกไปสังสรรค์ รัฐบาลหลายประเทศสั่งล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส และมีการปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ แต่ใช่ว่าการออกไปสังสรรค์ไม่ได้จะทำให้คนดื่มน้อยลง ในทางตรงข้ามกลับมีข้อมูลว่า ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าสนใจ

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ผู้คนดื่มหนักในช่วงนี้ ในบทความ Americans are drinking a crazy amount of alcoholduring coronavirus lockdown ของ New York Post ให้ข้อมูลว่า ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นถึง 55% ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมีนาคม โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบแรงไม่ว่าจะเป็น จิน (gin) เตกีลา (tequila) และส่วนผสมค็อกเทล (premixed cocktails) ได้รับความนิยมมากที่สุด หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายเครื่องดื่มประเภทสุราพุ่งสูงขึ้นถึง 75% ยอดขายไวน์เพิ่มขึ้น 66% ส่วนเบียร์เพิ่มขึ้น 42%

นอกจากนี้ วิถีการดื่มของผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าในสหรัฐอเมริกาจะยังมีร้านเหล้าที่เปิดให้บริการอยู่บ้าง แต่คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะดื่มอยู่ที่บ้านและใช้บริการแอปพลิเคชั่นอย่าง Zoom, Facebook, FaceTime หรือ Google Hangouts ในการสังสรรค์กับเพื่อนฝูงแทนการไปดื่มที่ร้าน ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านค้าออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 243%

Drizly แอปพลิเคชั่นบริการส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีเครือข่ายใน 26 รัฐของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับ CNBC ว่า การระบาดของโควิด-19 ช่วยให้ยอดขาย ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นราว 300% เทียบกับช่วงต้นปี 2020

ในสหราชอาณาจักรก็ไม่แพ้กัน มีบทความ Coronavirus : Shoppers stock up on alcohol amid lockdown จาก BBC ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสทำให้คนอังกฤษต้องอยู่แต่ในบ้าน สิ่งที่ตามมาคือมีการซึ้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดื่มในช่วงกักตัวมากขึ้น ส่งผลให้ในเดือนมีนาคมยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าตามหัวมุมถนนเพิ่มขึ้น 22% อ้างอิงจากผลการวิเคราะห์ผู้บริโภคของบริษัท Kantar ยอดขายเครื่องดื่มประเภทสุรา ไวน์ และเบียร์ในประเทศอังกฤษสูงถึง 1.1 พันล้านปอนด์ (ราว 4.5 หมื่นล้านบาท) นับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วถึง 119 ล้านปอนด์ (ราว 4.9 พันล้านบาท)

บริษัทค้าปลีกไวน์ออนไลน์ Naked Wines เปิดเผยกับ BBC ว่า ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และล่าสุดบริษัทนี้คาดการณ์ใหม่ว่า ยอดขายในปี 2020 จะสูงกว่าที่เคยประเมินไว้ราว 200 ล้านปอนด์ (ราว 8.2 พันล้านบาท)

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มีความกังวลจากหลายฝ่าย อีเลน ฮินดาล (Elaine Hindal) ผู้บริหารมูลนิธิ Drinkaware กล่าวว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการดื่มในบ้านช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งเกรงว่าจะมีผลเสียตามมา

“การมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมในบ้าน เป็นสิ่งล่อใจและจะนำไปสู่การดื่มโดยไม่ยั้งคิด พฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะค่อย ๆ เปลี่ยนนิสัยของเรา เช่น การดื่มไวน์ในยามบ่าย จากปกติที่ไม่เคยทำ ยิ่งดื่มมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องใช้ความอดกลั้นกับแอลกอฮอล์มากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปจะนำไปสู่การติดแอลกอฮอล์ได้”

สอดคล้องกับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาให้ความเห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการรับมือกับไวรัสที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นัก นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพประเมินว่า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลเสียต่อผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงเลิกแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด และเพิ่มโอกาสการกลับมาติดซ้ำ

ดร.ริชาร์ด ปิเปอร์ (Richard Piper) จากมูลนิธิ Alcohol Change ในสหราชอาณาจักร ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว Independentว่า นักดื่มควรจำกัดปริมาณการดื่มให้ไม่เกิน 14 ยูนิตต่อสัปดาห์ (1 ยูนิตเท่ากับแอลกอฮอล์ 8 กรัม) เพื่อหลีกเลี่ยงการเสพติด

ถ้าจะหาเหตุผลที่ยอดขายแอลกอฮอล์สูงขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ จากการสังเกตพฤติกรรมชาวไทยในช่วงที่รัฐบาลประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เราจะเห็นว่าแต่ละคนซื้อเครื่องดื่มตุนกันเต็มตะกร้า ซึ่งในภาวะปกติถ้าออกไปดื่มนอกบ้านก็อาจจะไม่ได้ดื่มเยอะขนาดนั้น แต่ต้องตุนไว้เพื่อความสบายใจว่าจะไม่ขาดตกบกพร่อง

สภาพการณ์ที่เห็นในเมืองไทยก็คงคล้าย ๆ กันกับในต่างประเทศ และอาจจะพออธิบายได้ว่าทำไมยอดขายแอลกอฮอล์ในบางประเทศจึงสูงขึ้นมากในช่วงเวลานี้