ตะลุยเกาหลี! ออกนอกเมืองหลวงสู่ จ.คังวอน กินร้านเต้าหู้-ดูบ้านฮันอก-ชมที่แข่งโอลิมปิกฤดูหนาว 2018

รายงานโดย กนกวรรณ มากเมฆ / ประชาชาติธุรกิจออนไลน์-Spinoff

 

อันยองฮาเซโย! สวัสดีเป็นภาษาเกาหลีกันหน่อย เพราะเรื่องราวในตอนนี้เรายังอยู่กันที่แดนกิมจิ ประเทศเกาหลีใต้นั่นเอง จากคราวก่อนที่เราพาฉีกภาพจำเดิมๆ ตะลุยสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลี แบบที่ทัวร์ไม่เคยพาคุณไป (คลิกอ่าน พาตะลุยเกาหลี! ชมวิวเมืองที่ใหม่-ร่วมพิธีชงชา เที่ยวโซลในแบบที่ทัวร์ไม่เคยพาคุณไป!)

แต่สำหรับในตอนที่ 2 นี้ ผู้เขียนขอพาทุกคนออกนอกกรุงโซลไปเที่ยวจังหวัดอื่นกันบ้าง พูดถึงต่างจังหวัดในเกาหลี นอกจากปูซานแล้ว อีกจังหวัดหนึ่งที่หลายคนโดยเฉพาะคอซีรีส์อาจจะพอนึกออกก็คือ จ.คังวอน (Gangwon-do) นั่นเอง เพราะหลายเรื่องเวลาพระนางต้องไปต่างจังหวัดนอกโซลก็ไปจังหวัดนี้นี่แหละ ซึ่งก็เป็นหมุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ด้วย

อย่างที่บอกในตอนที่แล้วว่าการเดินทางไปเกาหลีครั้งนี้ เกิดขึ้นในโอกาสที่ “บริษัท เจอร์นี่ แลนด์ จำกัด” บริษัททัวร์ไทยที่ทำทัวร์ไปเกาหลีเป็นพิเศษ ทำเอ็มโอยู (MOU) กับการท่องเที่ยวกรุงโซล (Seoul Tourism Organization) ในด้านความร่วมมือในการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาหลี ร่วมกับบริษัททัวร์จากประเทศต่างๆ ในเอเชียอีก 8 ประเทศ ซึ่งนอกจากจะพาคณะของเราเข้าร่วมพิธีเปิดแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางกรุงโซลอย่าง “Seoullo 7017” แล้ว อีกหนึ่งหมุดหมายก็คือการพาเราไปเยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว “เปียงชาง 2018” (Pyeongchang 2018) ที่จะจัดใน จ.คังวอน วันที่ 9-25 กุมภาพันธ์ ปีหน้า รวมไปถึงมหกรรมพาราลิมปิก 2018 ที่จะจัดขึ้นระหว่าง 9-18 มี.ค. 2018 ด้วย

เริ่มเดินทางออกจากกรุงโซลตั้งแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าไป จ.คังวอน จังหวัดติดทะเลที่อยู่ติดกับโซลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างทางมอเตอร์เวย์ไปคังวอน ผ่านพื้นที่นอกกรุงโซลของเกาหลีที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เห็นวิวของหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ระหว่างหุบเขา สลับไปกับภูเขาหลายลูก

รถแวะพักบนจุดพักรถบนมอเตอร์เวย์ ที่เราเริ่มเห็นการเตรียมพร้อมของเกาหลีตั้งแต่ตรงนี้ เพราะบริเวณจุดพักรถเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา มีโรงอาหารขนาดใหญ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้องน้ำที่เรียกว่าถูกใจผู้เขียนสุดๆ เพราะเป็นห้องน้ำสุดไฮเทค ก่อนเข้าจะมีหน้าจอบอกผังห้องน้ำ และบอกว่าห้องไหนว่างอยู่บ้าง 

แผนผังแสดงห้องน้ำในจุดพักรถ
โรงอาหารในจุดพักรถ

ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงจากโซล เราก็มาถึง เมืองคังนึง จ.คังวอน ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดที่มีการพัฒนาลานกีฬาสำหรับการจัดโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ร่วมกับเมืองเปียงชาง (Pyeongchang) และเมืองจองซอน (Jeongseon)

ในส่วนของเมืองคังนึง จะเป็นสนามของกีฬาที่ต้องแข่งขันในร่ม เช่น ฮอกกี้น้ำแข็ง, เคอร์ลิ่ง, สเก็ต โดยช่วงที่ไปนั้นเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเฉพาะโซนพิพิธภัณฑ์ ที่จะแนะนำให้ทุกคนได้ทราบว่าโอลิมปิกฤดูหนาวมีการแข่งขันกีฬาอะไรบ้าง พร้อมสร้างความตื่นเต้นด้วยวิดีโอแนะนำกีฬาสกีลงเขา แบบ 4D ที่ทำเอาทุกคนหวาดเสียว เรียกเสียงกรี๊ดได้พอเป็นกระสัย

เสือขาวชื่อ ซูโฮรัง (Soohorang) มาสคอตโอลิมปิกฤดูหนาว ส่วนหมีดำชื่อ บันดาบี (Bandabi) มาสคอตพาราลิมปิกเกม

ไม่ทันไรก็ได้เวลามื้อเที่ยงกันแล้ว มาเมืองคังนึง ของดีของเด็ดของเมืองนี้ก็คือ “เต้าหู้” ถ้าไม่ได้กินเต้าหู้เรียกว่ามาไม่ถึงคังนึงเลยก็ว่าได้ มื้อกลางวันของเราจึงไปอยู่ที่ร้านอาหารที่ทำเต้าหู้ขึ้นเองเจ้าเด็ดเจ้าหนึ่งในเมือง สองข้างทางระหว่างไปถึงร้านเต็มไปด้วยต้นสน ด้วยความที่ต้นสนเป็นพืชที่ใบเขียวตลอดปี ทำให้ชาวเกาหลีนำมาใช้เปรียบเปรยในเรื่องของความมั่นคง ยาวนาน อย่างเช่น ขอให้ความรักของเรามั่นคงเหมือนดั่งต้นสน เป็นต้น

ถึงที่ร้านแล้วไม่รอช้า พนักงานนำเมนูต่างๆ มาวางเต็มโต๊ะไปหมด ตั้งแต่ซุปกิมจิเต้าหู้, เต้าหู้ที่ต้องกินคู่กับสาหร่าย, เต้าหู้นึ่งรสชาติเค็มๆ มันๆ คือมีเมนูเต้าหู้เยอะมาก เป็นเต้าหู้สีขาวที่กินเปล่าๆ ก็อร่อย

และด้วยความที่คังนึงเป็นจังหวัดติดทะเล ทำให้มีเมนูปลาทะเลหลายอย่างเสิร์ฟบนโต๊ะด้วย แต่สำหรับผู้เขียนถูกใจเต้าหู้มากกว่า เรียกได้ว่าแทบจะกินเต้าหู้แทนข้าว

อิ่มท้องแล้วก็เดินทางต่อได้ เป้าหมายต่อไปของเราในบ่ายวันนี้อยู่ที่ Charmsori Gramophone museum พิพิธภัณฑ์ที่เจ้าของเริ่มสะสมและจัดแสดง “หีบเสียง” เรื่อยไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในวงการสื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ที่ได้มาจากสำนักข่าวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และทั่วโลก

ก่อนเข้าไปขอชมวิวด้านหน้าพิพิธภัณฑ์สักนิด เห็นทะเลสาบยองโป (Gyeongpo Lake) กว้างใหญ่ มีต้นหญ้าและดอกไม้สีเหลืองสดใส มีทางจักรยานเลียบไปตลอดทะเลสาบ เหล่านักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวขี่จักรยานแบบครอบครัวผ่านไป คู่รักวัยรุ่นจับมือเดินเล่น ส่วนถนนที่คั่นกลางระหว่างสระน้ำและพิพิธภันฑ์ก็มีรถสัญจรผ่านไป-มาไม่มากนัก บรรยากาศแบบนี้ทำให้คังนึงเป็นเมืองที่สงบและอบอุ่น จนอยากจะนั่งเล่น เดินชิลๆ พักสมองเลยทีเดียว

กลับเข้ามาในพิพิธภัณฑ์กันบ้าง เข้ามาในโซนแรก พิพิธภัณฑ์เริ่มจัดแสดงกล่องดนตรี ที่ถือเป็นอุปกรณ์ที่ให้เสียงดนตรีก่อนที่จะมีการประดิษฐ์หีบเสียงขึ้น ภายในมีการรวบรวมกล่องดนตรีกว่า 350 ชิ้น เรื่อยมาจนถึงหีบเสียงที่มีรูปแบบสวยงาม และหีบเสียงสำหรับเด็ก ก่อนจะขึ้นมาในโซน 2 ที่จัดแสดงหีบเสียงที่่ผลิตขึ้นในทศวรรษที่ 1920 จนถึงทศวรรษ 1930 ซึ่งเป็นยุคที่หีบเสียงมีการพัฒนาไปเพื่อการเล่นแผ่นเสียงแบบจริงจัง มีประสิทธิภาพ และหรูหรา

ถัดมาในโซนที่ 3 จากยุคของหีบเสียง ก็เริ่มเข้าสู่อุปกรณ์แพร่เสียงชนิดใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้นอย่าง “วิทยุ” จนถึงอุปกรณ์ที่เผยแพร่ทั้งเสียงและภาพอย่าง “โทรทัศน์” โดยจัดแสดงวิทยุและโทรทัศน์ที่ผลิตขึ้นในปี 1920 จนถึงทศวรรษ 1980 จากทั่วโลก

จาก Charmsori Gramophone museum ไกด์พาคณะของเราเดินไปเยี่ยมชมอาคารถัดไปที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งอาคารนี้เป็น Edison Science Museum จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ของนักวิทยาศาสตร์ “โทมัส เอลวา เอดิสัน” ผู้ประดิษฐ์เครื่องบันทึกเสียง, หลอดไฟ และจดสิทธิบัตรหลอดไฟเป็นคนแรก รวมไปถึงผลงานการประดิษฐ์เครื่องถ่ายภาพตัดต่อ ซึ่งนำไปสู่การถ่ายภาพยนตร์

ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงหลอดไฟกว่า 500 ชนิดที่เอดิสันประดิษฐ์ขึ้นเอง และหลายดวงยังสามารถใช้งานได้อยู่ นอกจากนี้ยังมีเครื่องฉายภาพยนตร์กว่า 200 เครื่องจากทั่วโลก รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ทั้งตู้เย็น, โทรทัศน์, เครื่องซักผ้า, คอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่าเพลิดเพลินไปรูปร่างหน้าตากับของเก่ายุคก่อนเราเกิดเลยทีเดียว

จากพิพิธภัณฑ์เรานั่งรถมาอีกไม่ไกล ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ล้อรถตู้คันเดิมที่เรานั่งมาตลอดทริปพาเรามาจอดหน้าบ้านโบราณเกาหลี หรือที่เรียกว่า ฮันอก กับบ้านโบราณที่มีชื่อว่า “ซอนกโยจัง” (Seongyojang House)

สำหรับบ้านซอนกโยจังแห่งนี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน (ค.ศ.1392-1897) ซึ่งเป็นบ้านของชนชั้นสูงรายหนึ่ง แต่ปัจจุบันมีการรีโนเวทใหม่โดยอ้างอิงจากของเดิม โดยนอกจากจะให้บริการเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนอนค้างเกาหลีในแบบย้อนยุคแล้ว ยังเป็นโลเคชั่นถ่ายซีรีส์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Saimdang, the Herstory, Hwangjin-i, Princess Hours และภาพยนตร์เรื่อง Le Grand Chef

สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างบ้านของบุคคลทั่วไปกับพระราชวังและวัดก็คือ “สี” โดยสำหรับพระราชวังและวัด จะเป็นส่วนที่ทาสีได้ ส่วนบ้านของบุคคลทั่วไปห้ามทาสี เราจึงเห็นซอนกโยจังแห่งนี้มีผนังสีขาว เสาและส่วนอื่นๆ เป็นสีตามเนื้อไม้ หลังคาเป็นกระเบื้องสีดำ

ภายในบริเวณของซอนกโยจังมีการแบ่งส่วนอาคารชัดเจนระหว่างโซนของผู้ชายและโซนของผู้หญิง รวมไปถึง “ห้องน้ำชา” ที่แยกออกมาเป็นอาคารหลังหนึ่งโดยเฉพาะ แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมเกาหลีที่ถือว่าการชงชาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นทางการมาก

ไกด์เล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของบ้านโบราณเกาหลีให้ฟังว่า บ้านเกาหลีโบราณจะมีการวางท่อบริเวณใต้ถุน สำหรับใส่ถ่านเผาเพื่อให้ความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว โดยจะมีฉนวนกั้นระหว่างถ่านร้อนและพื้นบ้าน เพื่อไม่ให้พื้นบ้านไหม้เสียก่อน

เราเยี่ยมชมซอนกโยจังกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะโบกมือลาเมืองสงบๆ น่ารักๆ อย่างคังนึงแล้วนั่งรถไปอีกเมืองใน จ.คังวอน นั่นก็คือเมืองเปียงชาง เพื่อเยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมในการแข่งขันโอลิมปิกในส่วนของเมืองนี้

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าคังนึงเป็นพื้นที่ที่ติดทะเล ขณะที่เปียงชางไม่ติดทะเล พื้นที่เป็นภูเขา กีฬาที่จะจัดแข่งขันที่นี่จึงเป็นกีฬาที่จะต้องแข่งจากที่สูงอย่างสกีน้ำแข็ง, สกีจัมพ์, สโนว์บอร์ด เป็นต้น

สำหรับบริเวณที่ใช้จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในเปียงชางนี้ หลักๆ แล้วจะอยู่ในพื้นที่ของ “อัลเพนเซีย รีสอร์ต” ที่เปิดตัวเป็นสกีรีสอร์ตตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งนอกจากจะมีโซนเล่นสกีสำหรับฤดูหนาวแล้ว ยังมีสนามกอล์ฟ 27 หลุม และวอเตอร์ธีมพาร์คสำหรับการท่องเที่ยวในฤดูอื่นๆ ด้วย

การเตรียมตัวสำหรับแข่งโอลิมปิกฤดูหนาวในเมืองเปียงชาง เราได้ไปเยี่ยมชมหอสกีจัมพ์ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,190 เมตร รอบๆ มีโรงแรมที่พักตั้งแต่ระดับ 2 ดาว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว รวมถึงยังมีการก่อสร้างหมู่บ้านนักกีฬาด้วย ส่วนด้านการคมนาคม รัฐบาลเกาหลีใต้อยู่ระหว่างก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ความเร็ว 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิ่งจากโซล ปลายทางสู่เมืองคังนึงด้วย

ชมวิวแบบเพลิดเพลินใจ อากาศบริเวณฐานของหอสกีถือว่าดีต่อใจมาก ลมพัดเย็นสบาย สูดหายใจเต็มปอด เก็บความประทับใจของ จ.คังวอน เอาไว้ ก่อนจะเดินทางกลับโซล

สุดท้ายสำหรับใครที่ไปเกาหลี อยากไปเที่ยวจังหวัดอื่นนอกจากโซลบ้าง และอยากท่องเที่ยวสงบๆ คนไม่พลุกพล่าน บรรยากาศอบอุ่น รับรองว่า จ.คังวอน จะทำให้คุณประทับใจได้แน่นอน…