โสดและรวยสไตล์ “เจ้เล้ง ดอนเมือง”เจ้าแม่ดิวตี้ฟรี ฝากถึงพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์รุ่นจิ๋ว ทำอย่างไรให้รวย

หลังจากสร้างความฮือฮา กรณี นาง อารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล หรือ “เจ้เล้ง” เจ้าของ “ร้านเจ้เล้ง” อาณาจักรสินค้าจากต่างประเทศมูลค่านับหมื่นล้านที่ใครๆ รู้จักดี เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงชีวิตแต่งงานที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน หลังตัดสินใจหย่าขาดกับสามี ซึ่งแต่งงานตั้งแต่อายุ 27 ปี โดยยอมยกเงินสดและทรัพย์สินรวมมูลค่า 700 ล้านบาทให้ไป เพื่อแลกกับอิสรภาพ

อ่านข่าว >> เปิดใจทั้งน้ำตา! “เจ้เล้ง” เผยควัก 700 ล้านหย่าสามีปิดฉากชีวิตคู่33ปี ชี้จ่ายซื้ออิสรภาพ ไม่เสียดายเงิน

อ่านข่าว >> คุยกับ“เจ้เล้ง ดอนเมือง”เผยกลยุทธ์พี่เลี้ยงน้อง โกออนไลน์ ขยายตลาดคนรุ่นใหม่

ย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2559 เจ้เล้ง ในฐานะเจ้าแม่วงการ “ดิวตี้ ฟรี” เมืองไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวประชาชาติออนไลน์ ถึงมุมมองและทิศทางเศรษฐกิจ พร้อมกลยุทธ์ใหม่นำพา “เจ้เล้ง พลาซ่า” กระโดดเข้าสมรภูมิการค้าออนไลน์

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นข่าวช่วงนี้ว่าเจ้เล้งได้หย่าขาดจากสามีแล้ว แต่ด้วยวัยขนาดนี้ เจ้เล้ง ยังดูผุดผ่องและแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งไอเดียการลงทุนนั้นยังเฉียบคมเสมอ เราลองมาย้อนอ่านบทสัมภาษณ์ ไอเดียธุรกิจของเจ้เล้ง รวมทั้งข้อแนะนำถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยุคใหม่ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร

และทีเด็ดสุดท้าย ดูแลตัวเองอย่างไรให้ยังแข็งแรง สดใส

ติดตามย้อนอ่านกันได้ในบทสัมภาษณ์นี้

ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง กิจการ “เจ้เล้ง พลาซ่า” เป็นอย่างไรบ้าง

-แม้ว่าเศรษฐกิจจะฝืดเคืองมาจริงๆ แต่ธุรกิจของเจ้เล้งก็ยังไม่สะเทือน อยู่ได้แบบสบายๆ ลูกค้าก็เหมือนเดิม ขายได้เหมือนเดิม ช่วงนี้ยอดขายไม่ขึ้น แต่ก็ไม่ลด ที่ไม่ลดเพราะเจ้เล้งหาสินค้าใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามาในร้าน เป็นสินค้าที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้

-แนวทางใหม่ในการขยายตลาดช่องทางออนไลน์ มีกลยุทธ์อย่างไร

จากร้านเดิมไม่ได้ขายช่องทางออนไลน์ เพิ่งมาปรับเปลี่ยนเป็นการขายออนไลน์ โดยมีกลยุทธ์ที่แตกต่างจากที่อื่น เพราะเรามีช็อปของเราเอง มีสินค้าให้ทุกคนเลือก ซึ่งเป็นของที่มีจริง ต่างจากร้านขายออนไลน์บางครั้งอาจจะนำสินค้ามาโชว์แค่ชิ้นสองชิ้น ไม่มีหน้าร้านของตัวเอง แต่เจ้เล้งมีหน้าร้านของตัวเอง และเป็นของที่ขายราคาถูก บางอย่างสินค้าที่มีในร้านจะแปลก ที่อื่นไม่มี เรานำเข้ามาเอง การขายออนไลน์ของเราจึงประสบความสำเร็จ

-พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล แตกต่างกับสมัยก่อนอย่างไร

เด็กยุคใหม่มีความสุขในการซื้อของออนไลน์ที่ช็อปปิ้งออนไลน์ บางอย่างสั่งมาแล้วพอถึงบ้านก็ใช้ไม่ได้ แต่ถ้าร้านเจ้เล้งขายได้ก็เป็นเพราะมีมาตรฐานของร้านเจ้เล้งอยู่ สินค้าค่อนข้างมีคุณภาพและมีราคาถูก การขายออนไลน์ก็ไม่ได้ลดถอย มีแต่จะมากขึ้นเรื่อยๆ

-ตลาดออนไลน์ในเมืองจีนบูมมากเเค่ไหน

ตลาดออนไลน์ในเมืองจีนตอนนี้เติบโตมาก ขณะนี้คนจีนมาร้านเจ้เล้งเยอะมาก อยากให้เจ้เล้งร่วมลงทุนในการขายออนไลน์กับเขา พอมาถึงร้านเราก็บอกว่าเพอร์เฟ็กต์มาก ของที่นี่เป็นของที่คนจีนชอบทุกอย่างและเจ้ก็มีคำถามว่าแล้วนำเข้าไปอย่างไร ในเมื่อเมืองจีนขออ.ย. ยากมาก เขาก็บอกว่าทำได้ รวมกันได้หมด เขาชอบมาหน้าร้านเรามาก เข้ามา 5 เจ้าแล้วขอร่วมลงทุน วิธีเข้าทำยังไงและร่วมมืออย่างไรจึงจะสำเร็จ

-ทางฝั่งตลาดอาเซียนเป็นอย่างไร

ตอนนี้เศรษฐกิจทั่วโลกลดถอยหมด คนเสียหายเยอะเหมือนกัน เพียงแต่บ้านเราก็ทรงๆทรุดๆอยู่อย่างนี้ ไม่ได้มากมายเกินไป จริงๆเศรษฐกิจบ้านเราก็ถอย คนซื้อจากที่เคยซื้อ 100 ก็จะซื้อ แค่ 70 เดี๋ยวนี้ขายส่งได้กว่า 30% ถือว่าการขายส่งดีขึ้น โดยไม่เพิ่มบทบาทการขายส่ง เพราะลูกค้าวิ่งมาหาเราไม่ใช่เราวิ่งหาเขา พม่าจะซื้อของดี 2,000 บาทอัพ เเต่ลาวเเละกัมพูชาจะซื้อของถูก ส่วนจีนจะซื้อของทั่วไป

-นอกจากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางแล้ว เจ้เล้งยังเป็น “แลนลอร์ด” เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้วย คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ?

เจ้เล้งอายุ 70 แล้วไม่ใช่เด็กๆ อยากจะทำอะไรให้ชีวิต สิ่งที่ขาดอย่างเดียวคือเรื่องที่ดิน ก่อนที่จะลาจากไปต้องขอทำอะไรในสิ่งที่หวังไว้ก่อน ถามว่าจริงๆแล้ว “งกเงิน” ไหม ไม่เลยเพราะเจ้เล้งเป็นคนชอบความสำเร็จ ถ้าประสบผลสำเร็จแล้วจะดีใจมากเลย เงินไม่ได้หิว การทำธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้จำเป็นต้องใช้งบมากเลย แต่เจ้เล้งใช้กลุยุทธ์ “เอาพี่มาเลี้ยงน้อง” เอาเงินกำไรจากการขายของ จากนั้นก็เอามาสร้างพร็อพเพอร์ตี้ขึ้นมา ไม่ได้โหมไปทีเดียว ถมที่ 50 ล้านก็ไม่ได้ไปถมวันเดียวเสร็จ กว่าจะได้ต้องสองเดือน สามเดือนเสร็จ เงินที่ได้มาก็พอดีละ ก็ไปจ่ายค่าถมที่ ตอกเข็ม 40 ล้านก็ไม่ได้ตอกวันเดียวเสร็จ ต้องสามเดือนเสร็จเพราะเจ้เล้งไม่ได้รีบที่ต้องไปกู้เขามาและเสียดอก ก็ทำไปเรื่อยๆ เจ้เล้งไม่เคยกู้เลย อาจจะเป็นเพราะไม่มีเครดิตเลยไม่ให้กู้ก็ได้ (หัวเราะ)

ลงทุนครั้งแรกเกี่ยวกับการซื้อที่ดินจะลงทุนหลายร้อยล้าน เมื่อเริ่มสร้างจะเริ่มจาก 25% เมื่อมีกำไรจากส่วนอื่นก็ค่อยๆเอาไปลงอีก 25% แล้วค่อยๆทำไปจนถึง 100% ถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะการทำแต่ละอย่างแค่ 5 ปีก็ได้ทุนคืนแล้ว

-ความอยู่รอดของผู้ประกอบการท้องถิ่นในปัจจุบันขึ้นอยู่กับอะไร

ผู้ประกอบการท้องถิ่นถ้าเป็นรายย่อยจะลำบาก โดยเฉพาะค่าแรงงาน ที่ปกติวันละ 300 บาทแต่ทุกวันนี้ถ้าได้ 300 แล้วเขาไม่ทำ ปัจจุบันต้องจ่ายให้แรงงาน 400-500 บาท รายเล็กรายน้อยอยู่ไม่ได้ หายไปหลายร้าน พอร้านขนาดกลางขึ้นมา ก็หืดขึ้นคอหมดเพราะต้องแบกรับเรื่องเรื่องงานที่ส่งผลกระทบไปหมด เพราะฉะนั้นรายย่อยตามท้องถิ่นค่อนข้างจะเหนื่อยหน่อย อย่างที่ทราบว่าทุกคนเหนื่อยหมดตอนนี้

-คาดการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2560 ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

ภาพรวมตอนนี้ไม่ใช่คำว่าเศรษฐกิจไม่ดี จริงๆทุกวันต้องเป็นแบบนี้ แต่เราฟองสบู่แตก ก็เลยได้เว่อร์มาก่อน ที่นี้พอถอยมาในที่จุดเดิม ทุกคนก็ตกใจเพราะทุกคนเคยได้แบบเยอะมากเลย แต่มันเป็นเงินแบบฟองสบู่ ของพวกนั้นจึงเป็นของไม่เสถียร ต้องยอมรับให้ได้ว่าเศรษฐกิจตอนนี้คือเศรษฐกิจของจริงที่มีอยู่

-ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาสู่วงการพ่อค้าแม่ค้าทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และเปิดหน้าร้านเองว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จได้

ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่เก่งทำธุรกิจค่อนข้างไวรวยค่อนข้างเร็วแต่ถ้าจะให้อยู่นานอยู่ทนจริงๆก็ต้องมีความจริงใจต่อลูกค้า สินค้าที่ให้จะต้องมีคุณภาพและเป็นของดีจริง ธุรกิจจึงจะต่อเนื่อง ที่เรามีถึงทุกวันนี้เพราะเราจริงใจกับลูกค้า เด็กรุ่นใหม่เก่งเยอะ แต่ก็มีบางส่วนที่เก่งเกินไป เอาของไม่ดีมาแล้วหลอกว่าขายของดี หยุดเถอะค่ะ “ทำให้ถูกต้อง ทำให้ดี แล้วจะอยู่ได้นาน”

นอกเรื่องธุรกิจมาคุยกันเรื่องความสวยความงามกันบ้าง… 70 กะรัตแล้วยังสดใสซาบว่าขนาดนี้ มีเคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างไร

เจ้เป็นคนดูแลตัวเอง จะรักษาผิวหน้าเพราะเราขายของเอง มาถึงร้านเจ้เล้งจะได้ยินเสียงเจ้พูดออกเสียงถึงวิธีล้างหน้า ทำอย่างไรจะล้างหน้าให้เกลี้ยง ต้องบำรุงอย่างไรเราจะบอกตลอด สิ่งที่สำคัญคือต้องล้างหน้าให้เกลี้ยง ทาโลชั่นบำรุงผิวสม่ำเสมอ และสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือต้องออกกำลังกาย เพราะจะทำให้สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณตึงกระชับ ความสวยก็จะมาเอง เราออกกำลังกายทุกอย่าง อย่างปีนเขา ว่ายน้ำ เดิน เล่นฟิตเนส เอาหมดเลยทุกอย่าง ปวดตรงไหนก็บริหารตรงนั้น ประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน