เสน่ห์เมืองเล็ก “ปากพนัง” ล่องเรือส่องชีวิตริมน้ำ ชมคอนโดนกนางเเอ่น เดินเพลินตลาด100ปี

โดย ศิริลักษณ์ หาพันธ์นา
ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.prachachat.net

หากได้มีโอกาสเยือนถิ่นแดนธรรมนครศรีธรรมราช โปรแกรมเด็ดของผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ส่องวัฒนธรรม ห้ามพลาดคือ “ปากพนัง” เมืองเล็กที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความรุ่งเรืองในอดีตที่น่าค้นหา ท่ามกลางบรรยากาศพื้นเมืองชาวประมง และอาหารแสนอร่อย

เมื่อมาถึง ณ ปากพนังแห่งนี้ ในวันอากาศดีลมพัดปลิวไสว เราเริ่มต้นกันที่ “ตลาด 100 ปีเมืองปากพนัง” ตลาดเล็กๆ แต่เก่าแก่และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่สองริมฝั่งคลองบางฉลากเชื่อมต่อกับแม่น้ำปากพนัง

บรรยากาศของตลาดครึกครื้น  ผู้คนจับจ่ายซื้อของกันเนืองแน่นแต่หัววัน พร้อมเสียงเพลงที่มีนักดนตรีมาขับกล่อมเพลงไทยดั้งเดิมให้ฟังแว่วๆ ได้อารมณ์ดียิ่งนัก  ระหว่างทางมีตรอกเล็กๆ ให้เดินสำรวจทั้งร้านขายของชำ ร้านขายยาโบราณ และร้านขนมน่าทานมากมาย บางร้านยังคงเอกลักษณ์ได้กลิ่นอายย้อนยุค อย่างการใช้ใบตอง ใบบัว ภาชนะที่สานด้วยใบจาก และใช้ถุงกระดาษ

เดินเข้ามาอีกนิด เราจะเห็นตลาดชุมชนริมน้ำที่มองไปเห็นเรือประมงจอดเทียบท่าอยู่หลายลำ พร้อมกับพ่อค้าแม่ค้าที่นำอาหารทะเลสดใหม่มาขายให้ถึงที่ โดยจะวางขายตั้งแต่สายยันเย็น ทั้งกุ้ง  ปูม้า ปลาทะเล หอยแครงตัวโตๆ ยั่วใจได้ไม่น้อย ส่วนของแปรรูปอย่างปลาแห้ง ปลาเค็ม กะปิและมันกุ้ง ก็เป็นของฝากที่ยอดเยี่ยมเหมาะแก่การซื้อกลับไปให้เพื่อนพี่น้องเสียจริงๆ โดยชาวบ้านที่นี่เขาแนะนำว่า “ปลากระบอกแดดเดียว” และ “ปลากระบอกร้า” นั้นแจ่มที่สุด (แต่ต้องดูฤดูกาลด้วยนะ)

ต่อมาด้วยการพาไปสัมผัสชีวิตริมน้ำ และทิวทัศน์สวยประทับใจกับการ “ล่องเรือชมแม่น้ำปากพนัง”  แม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวบ้านมายาวนาน โดยมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาบรรทัดผ่านหลายอำเภอในนครศรีธรรมราช ก่อนออกสู่ทะเลในที่สุด

คุณตา “นิเวศ วนคุณากร” ชาวบ้านลุ่มน้ำปากพนัง วัย 74 ปี เล่าให้เราฟังขณะล่องเรือว่า ในอดีตปากพนังเคยเป็นหัวเมืองเก่าแก่ที่เคยมั่งคั่งรุ่งเรืองมาก มีเรือสำเภาจีน เรือขนสินค้าจากชาติต่างๆ เข้ามาจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 200 ลำ โดยมีการซื้อขายทั้งถ้วยชาม ข้าวสาร รังนกและไม้จันทน์หอม มีการเพาะปลูกข้าว และโรงสีใหญ่มากมาย ก่อนจะประสบกับปัญหาเรื่องน้ำต่างๆ

เขาบอกอีกว่า ปัจจุบันชาวปากพนังประกอบอาชีพประมงและเกษตรกรรม และเริ่มมีการรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น มีการเปิดตลาดย้อนยุค เปิดเส้นทางท่องเที่ยววัดเก่าแก่ และมีการรวมกลุ่มกันเป็นชมรม ดูแลเรื่องโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยว ซึ่งจะชูจุดขายเรื่องการได้สัมผัสชีวิตชาวบ้านจริงๆ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น การรวมกลุ่มยังค่อนข้างเล็ก แต่มองว่าในอนาคตความพิเศษของปากพนังนั้นจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวระยะยาวได้  มากกว่าการเป็นเมืองทางผ่านที่เพียงแวะมาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ด้านคุณ “พรเทพ เซ่งรักษา” ประธานกลุ่มท่องเที่ยวปากพนัง บอกว่า ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปากพนังราว 30,000- 40,000 คนต่อปี แม้ยังน้อยแต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ด้วยอานิสงส์โครงการ “นครศรีดี๊ดี” ที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัด  โดยจุดเด่นของปากพนังจะเน้นไปที่การใกล้ชิดชุมชน จากความที่ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวโดยตรง ก็จะส่งเสริมไปที่ความเป็นเมืองเกษตร เมืองประมง ถิ่นคอนโดนกนางแอ่นควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวไปด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้านอาหารพื้นเมืองที่เป็นสิ่งที่ต้องลอง

-โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง

ในขณะที่เราล่องเรือในช่วงเย็นจะมองเห็นภาพของ “คอนโดนกนางแอ่น” นับร้อยหลังอยู่ริมสองฝากฝั่งแม่น้ำปากพนัง ซึ่งเป็นบ้านของนกนางแอ่นจำนวนนับล้านตัว สะท้อนให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนในปากพนังที่เป็นแหล่งอาหารของนกนางแอ่น

โอกาสนี้ เรามีโอกาสพูดคุยกับ “คุณอ้วนและคุณมล” เจ้าของร้านรังนกชื่อดังแห่งปากพนัง “สไมล์รังนก” ที่มีคอนโดนกนางแอ่นอยู่หลายหลังและขายรังนกส่งออกต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งพรีออเดอร์ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังจีน โดยเฉลี่ยอยู่ที่เรทราคาตั้งแต่ 25,000- 55,000 บาทต่อกก.ตามเกรดคุณภาพ ทั้งนี้ ที่ร้านยังมีเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูปให้ลองลิ้มรส พร้อมขายเป็นของฝากในราคา 600- 1,200 บาทด้วย

คุณมล เล่าถึง “คอนโดนกนางแอ่น” ให้ฟังว่า สามารถเก็บผลผลิตรังนกได้ราวสามเดือนต่อครั้ง โดยก่อนจะตัดสินใจปักหลักทำเลนั้นต้องดูทิศทางลม และทางบินของนก รวมไปถึงดูแลสภาพแสง เสียงและอุณหภูมิภายในตัวตึกให้ดึงดูดนกนางแอ่นให้เข้ามาอยู่มากที่สุด

ภาพภายในคอนโดนกนางเเอ่น

โดยโครงสร้างของตึกจะต้องเป็นห้องโล่ง ไม่มีการตกแต่งใดๆ นอกจากการตีคร่าวไม้ให้นกมาเกาะอยู่อาศัย ต้นทุนเฉลี่ยในการสร้างตึกจะอยู่ที่ 10-15 ล้านบาท แต่จะได้กำไรในระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุนต้องศึกษาให้ดีเพราะธุรกิจนี้ มีหลายตึกที่สร้างมาแล้วนกไม่บินมาอยู่อาศัยก็จะไม่คุ้มทุน

หลังเต็มอิ่ม (ทางจิตใจ) กับการชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ มีกระชังปลาและยออยู่หน้าบ้าน เห็นเรือประมงของชาวบ้านเรียงรายตามริมน้ำ บางลำแล่นหาปลาคึกคักแล้ว ถึงคราวเต็มอิ่ม (ท้อง) เรามาลองลิ้มรสอาหารพื้นบ้านปากพนัง อย่าง “ผัดหมี่ปากพนัง” ที่ต้องทานคู่กับมะม่วงฝอย อร่อยถูกปากเป็นที่สุด ด้วยรสชาติหวานของหมี่ผัดตัดกับความเปรี้ยวได้ลงตัว ต้มยำปลากระพงก็เป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาด

ก่อนกลับฝากแวะเยี่ยมชม “ชุมชนหอยราก” อยู่ระหว่างทางผ่านกลับเข้าเมืองนครศรีธรรมราชสักนิด ด้วยความพิเศษของชุมชนที่มีการผลิต “ขนมลา” ชื่อดังของปากพนัง มีทั้งขนมลาแผ่น ขนมลากรอบและผลิตภัณฑ์ขนมลาแปรรูปต่างๆ พร้อมมีกลุ่มแม่บ้านมาสาธิตวิธีการทำแต่ละขั้นตอนให้ดูอย่างละเอียดอีกด้วย

ลงเที่ยวใต้กัน อย่าลืมพัก “ปากพนัง” นานๆ รับรองคุ้มค่า ประทับใจแน่นอน