มนต์เสน่ห์”เมืองน่าน” เที่ยวชุมชนสร้างสรรค์โชว์ฝีมือทำโคมมะเต้า-แกะสลักพระไม้ ซึมซับวิถีสโลว์ไลฟ์

รายงานโดย  นลิศา เตชะศิริประภา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เพราะภาคเหนือไม่ได้มีดีแค่เชียงใหม่ เชียงราย ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวครองใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นคือ “จังหวัดน่าน”

“ปู่ม่าน ย่าม่าน” ชายหญิงชาวไทลื้อที่เกาะไหล่กระซิบกระซาบกัน จนได้รับขนานว่าเป็น “ภาพกระซิบรักบันลือโลก”-ผลงานของหนานบัวผัน ณ วัดภูมินทร์

“น่าน” เมืองเล็กๆ ที่ถูกจัดให้เป็นพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน โดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพิ่ม “คุณค่า” ทางวัฒนธรรมด้วยการพัฒนาต่อยอดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้แก่ชุมชน

โดยข้อมูลจากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวน่านเปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของน่านในปีนี้ว่า มีแนวโน้มเติบโตเชิงปริมาณนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวถึง 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2-3 แสนคน ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย

เมื่อมาถึงตัวเมืองเก่าน่านแห่งนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ…เริ่มต้นด้วยความตื่นเต้นพร้อมลงพื้นที่ชุมชนสัมผัสบรรยากาศ วิถีชีวิตของชาวน่าน พร้อมกับทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่ยังคงความมีเอกลักษณ์ พร้อมกับสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนให้อย่างยั่งยืน

เรามากันที่ “ชุมชนทำโคมมะเต้า” โคมส่องสว่างเอกลักษณ์ ณ บ้านม่วงตึ๊ด ผู้นำชุมชนแห่งนี้เล่าให้เราฟังว่า ชุมชนแห่งนี้ร่วมกลุ่มกันได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยเป็นการรวมกลุ่มคนในชุมชนมาใช้เวลาว่างมาร่วมผลิตโคมไฟ และยังมีการสอนให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ลองทำด้วยตนเอง โดยคิดค่าใช้จ่ายในการทำโคมทั้งหมดที่ 400 บาท

“โคมหนึ่งอันนั้นใช้เวลาทำประมาณ 3 ชั่วโมง โดยจะใช้ไม้ข้าวหลามมาเหลาและทำเป็นโครง ซึ่งจะใช้ทั้งหมด 16 อัน นำมาประกอบกันเป็นรูปร่าง จากนั้นนำมาประดับด้วยกระดาษสาที่มีลวดลายประจำยามเฉพาะของเมืองน่าน”

หลังจากที่เราได้ฟังขั้นตอนการทำเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือทำจริง ซึ่งก็ถึงกับปาดเหงื่อกันทีเดียว เพราะต้องใช้ความใจเย็น (ใจร้อนไม่ได้นะเจ้า) และประณีตมากในการที่จะประกอบ ประดับส่วนประกอบต่างๆ ให้ออกมาสวยงาม แต่ก็ไม่เกินความสามารถเพราะทุกคนก็ทำกันออกมาจนเสร็จสมบูรณ์ พร้อมที่จะนำไปถวายวัดเพื่อให้เป็นสิริมงคลกับการมาเที่ยวในครั้งนี้

นั่งรถไปกันต่อไม่ถึงห้านาทีเราก็มาถึง “ชุมชนวัดมหาโพธิ” ต.ในเวียง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางเปิดโลก ที่วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องของการแกะสลักพระไม้ และมีโอกาสได้สนทนากับหลวงตาเฉลิมศักดิ์ (กัณตลัทโธ) ผู้ริเริ่มการแกะสลักพระไม้ของวัดฯที่ทำมาได้ 3-4 ปีแล้ว

หลวงตาเฉลิมศักดิ์ เล่าให้เราฟังถึงขั้นตอนการแกะสลักพระไม้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้ายว่า จะแกะสลักพระไม้เสร็จสมบูรณ์นั้นต้องใช้เวลาถึง 2 วัน โดยจะเริ่มต้นแกะที่ตัวก่อน ส่วนการเลือกใช้ไม้นั้นก็จะใช้ไม้ที่มีชื่อมงคลอย่างเช่น ไม้ขนุน และไม้รัก หลังจากแกะสลักเสร็จ ก็เก็บรายละเอียดด้วยการขัดกระดาษทราย และลงสี

ในขณะที่ฟังหลวงตาเล่านั้น เราก็ได้ลงมือทำตามขั้นตอน โดยทางวัดจะมีการแกะไว้เป็นโครงไว้ให้ก่อน จากนั้นเราก็โชว์ทักษะการแกะสลักตามรูปแบบได้เลย

หลวงตาเล่าให้ฟังต่อว่า แบบที่นำมาแกะสลักนั้นจะเป็นพระพุทธรูปในสมัยอู่ทอง ที่มีลักษณะหูยานเกือบถึงไหล่ ความพิเศษที่นอกจากจะได้อิ่มบุญอิ่มใจแล้ว ผลงานที่ออกมายังมีแค้ชิ้นเดียวในโลกอีกด้วย

นอกจากนี้แม่ชีเพลินจิต พ่วงเจริญ อดีตหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นตัวแทนชุมชนมาพูดคุยกับเราว่า หลังจากที่ อพท.เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเพิ่มในชุมชนถึง 2,000 คนต่อปี และยังทำให้เศรษฐกิจในชุมชนโตขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์

“ส่วนมากนักเที่ยวที่มานั้นจะเป็นคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ โดยจะมาเป็นหมู่คณะ ซึ่งที่วัดก็จะมีกิจกรรมการแกะสลักพระไม้ใหเทักท่องเที่ยวได้ลงมือทำ คิดราคาคนละ 800 บาท” แม่ชีเพลิงจิตระบุ

แวะลิ้มลองอาหารเหนืออย่าง “ข้าวกั้นจิ้น” และ”ข้าวซอย”ที่รสชาติอร่อยในแบบต้นตำรับ

หลังจากเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ ลงมือทำอย่างจริงจังกันทั้งวันแล้ว ก็ต้องขอแวะ“วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง” พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่านเป็นสถานที่สุดท้ายปิดท้ายทริปนี้

หากมีโอกาสขึ้นเหนือเมื่อไหร่ ลองแวะ“เมืองเก่าน่าน” สัมผัสบรรยากาศแบบ น่าน เนิบๆ พร้อมซึมซับวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ดูสักครั้ง รับลองว่าได้ความสุขพร้อมรอยยิ้มกลับไปอย่างแน่นอน