สื่อต่างประเทศรายงานว่า อีลอน มัสก์ นักธุรกิจเจ้าพ่อเทคโนโลยีจากสหรัฐ ซีอีโอสเปซเอ็กซ์ ได้ส่งจรวดลำใหม่ของบริษัทอย่าง “ฟอลคอน เฮฟวี่” ขึ้นสู่อวกาศแล้ว จากฐานในศูนย์อวกาศเคนเนดี ที่ฟลอริดา เมื่อเวลา 15.45 น. ของวันที่ 6 ก.พ. 2561 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ
โดยจรวดลำใหญ่ยักษ์อย่างฟอลคอน เฮฟวี่ ซึ่งเป็นจรวดทรงพลังมากที่สุดนับตั้งแต่มีจรวดขนส่งอวกาศมา ทำให้การปล่อยจรวดครั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจมาชมด้วยตัวเอง และติดตามผ่านการถ่ายทอดสดของสเปซเอ็กซ์เป็นจำนวนมาก โดยมียอดชมแล้วกว่า 3.5 ล้านครั้ง
นายมัสก์กล่าวว่า ความท้าทายของการปล่อยจรวดนี้สู่อวกาศเป็นครั้งแรกก็คือมีโอกาสประสบความสำเร็จแบบ 50-50 เท่านั้น แต่การปล่อยครั้งนี้จากฐานโลกก็เป็นไปอย่างราบรื่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
When Falcon Heavy lifts off, it will be the most powerful operational rocket in the world by a factor of two. With the ability to lift into orbit nearly 64 metric tons (141,000 lb)—a mass greater than a 737 jetliner loaded with passengers, crew, luggage and fuel.Falcon Heavy test flight webcast is now live → http://spacex.com/webcast
โพสต์โดย SpaceX บน 6 กุมภาพันธ์ 2018
ทั้งนี้ จรวดฟอลคอน เฮฟวี่ สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 64 ตัน ซึ่งเท่ากับรถบัสสองชั้นลอนดอน 5 คันเลยทีเดียว ซึ่งมัสก์ระบุว่า ประสิทธิภาพดังกล่าวของฟอลคอน เฮฟวี่ มากกว่าจรวดทรงพลังของโลกอีกลำอย่าง Delta IV Heavy อย่างน้อย 2 เท่า แถมยังมีราคาถูกกว่าถึง 1 ใน 3
สำหรับการส่งจรวดขึ้นไปครั้งนี้ สเปซเอ็กซ์ได้ขนส่งรถยนต์เทสล่าสีแดงพร้อมหุ่นในตำแหน่งคนขับขึ้นไปด้วย
ซึ่งหากทุกขั้นตอนของการบินประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6.5 ชั่วโมงหลังออกจากพื้นโลกในการรู้ผล รถยนต์เทสลาและหุ่นดังกล่าวก็จะเข้าสู่วงโคจรของดวงอาทิตย์ ก่อนถึงจุดหมายปลายทางคือวงโคจรของดาวอังคารในที่สุด
นอกจากนี้ สเปซเอ็กซ์ยังสามารถบังคับให้จรวดขับดัน 2 ใน 3 ตัวของฟอลคอน เฮฟวี่ กลับลงมาจอดที่พื้นโลกได้อย่างปลอดภัย แต่จรวดขับดันอีกตัวหนึ่งที่ตั้งค่าให้ตกบนโดรนที่ห่างจากฝั่งหลายร้อยกิโลเมตรนั้นพลาดเป้าและตกทะเลไปด้วยความเร็ว 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง