คุยกับ Bomb at Track วัยรุ่นหัวขบถ ดนตรีนูเมทัล และความไม่เท่าเทียมของสังคมไทย

เรื่อง ธรรมธวัช ศรีสุข

 

มีผู้รักษาความสงบแต่ประเทศแม่งไม่สงบจริง

แต่งเครื่องแบบไปรับตังค์แล้วก็อ้างทำมาหากิน

เสียงเรียกประชาชน เหมือนมีกำแพงปกปิด

ตะโกนดังแค่ไหน ผลตอบรับคือมืดสนิท…..

ส่วนหนึ่งจากเนื้อเพลง “สันติภาพ” ภาพสะท้อนบนตัวหนังสือที่ว่าด้วย “ความเหลื่อมล้ำ” และ “อยุติธรรม” ของสังคมไทย เป็นสัญญาณเริ่มต้นการเรียกร้องความยุติธรรม และฉีกหน้าคนมีอำนาจผ่านเสียงเพลง ของวงดนตรีเลือดใหม่ที่ชื่อ “Bomb at Track”

ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา ชื่อของ Bomb at Track ประกอบด้วย 5 สมาชิก เต้-วงศกร เตมายัง (ร้องนำ) ปุ้ย-ปราชญานนท์ ยุงกลาง (กีตาร์) เมษ-ภควรรษ ประเสริฐศักดิ์ (กีตาร์) ข้น-ศาสตร์ พรมุณีสุนทร (เบส) นิล-สิรภพ เลิศชวลิต (กลอง) ถูกจับตาในฐานะวงร็อกหน้าใหม่ที่มีฝีมือจัดจ้าน เจ้าของเพลงฮิต “อำนาจเจริญ” “ฆาตกรคีย์บอร์ด” “สันติภาพ” “โจรในเครื่องแบบ”

(5 สมาชิก จากซ้ายไปขวา ข้น, เมษ, เต้, นิล, ปุ้ย)

ด้วยแนวเพลง Nu-Metal/Rap-Metal และเนื้อเพลงที่เสียดสีสังคมอย่างตรงไปตรงมา “กล้า” ที่จะร้องในสิ่งที่หลายๆ คนไม่กล้าพูด จนเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ที่คิดการใหญ่ ทวงความยุติธรรมให้แกผู้ถูกกระทำ และชนชั้นกลางถึงล่าง โดยมี “ดนตรี” เป็นสื่อกลาง “ประชาชาติออนไลน์” พาไปเปิดเบื้องลึกความคิดของพวกเขา และวิธีการทำงานของคนรุ่นใหม่หัวขบฎในนาม Bomb at Track ที่เบื้องหลัง พวกเขาก็คือวัยรุ่นธรรมดากลุ่มหนึ่งที่ทุ่มสุดตัวในสิ่งที่รัก

                     -อำนาจเจริญ เพลงเปลี่ยนชีวิต-

“สัตว์หน้าคนใช้อำนาจเงินเพื่อปกปิด พวกปรสิตสูบเลือดเนื้อเพื่อคงอยู่” หนึ่งในสี่จากดราฟต์แรกของท่อนฮุค ที่เต้เขียนมาเสนอเพื่อนในวง ก่อนที่ประโยคดังกล่าว จะถูกนำมาใช้ในเพลงเปิดตัว “อำนาจเจริญ” ที่จุดกระแสดังชั่วข้ามคืน ทำให้ชื่อของ Bomb at Track เริ่มเป็นที่รู้จัก วงศกร(เต้) เล่าถึงที่มาว่า เขียนจากคดีดังบนโลกออนไลน์ ที่ผู้พิการถูกรุมทำร้ายจนเป็นคดีความ แต่กลับคลี่คลายลงแบบไม่ยุติธรรมนัก จนเป็นหมุดที่ปักลงไปว่า Bomb at Track จะพูดเรื่องสังคมในเนื้อเพลง

“เราศึกษาตามคดีมาเรื่อยๆ จนมีบทสรุปที่ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ไม่ควรเป็นแบบนี้ ก็ลองเขียนเนื้อเพลงดู แล้วทุกคนในวงชอบ เลยใช้เป็นเพลงเปิดตัวของวงไปเลย ซึ่งตอนนั้นเรามีอยู่เพลงเดียวด้วย (หัวเราะ) ก็ถ่ายเอ็มวีปล่อยเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

ฟีดแบ็คดีมาก เพราะเพลงมันไปพูดแทนคนที่ไม่สามารถพูดได้ และเป็นเรื่องที่กระแสสังคมกำลังพูดถึง มีศิลปินดังๆ ช่วยกันแชร์เพลงจากวงโนเนม ทุกคนตกใจมาก ช่วงนั้นทุกคนไม่ทำอะไรเลย นอกจากดูฟีดแบ็คเพลง(หัวเราะ) จากนั้นมีกำลังใจก็ทำเพลงต่อไปเลย จนได้เพลง “ฆาตกรคีย์บอร์ด” เขียนจากคนที่โดนกล่าวหาว่าซ่อนกล้อง จนเค้าไม่สามารถใช้ชีวิตได้ โดนสังคมคอนเมนต์โจมตีจากเพียงแค่รูปรูปเดียว ทั้งที่ไม่รู้ความจริง สุดท้าย เพลงนี้ก็ยิ่งจุดกระแสให้คนรู้จัก และเห็นทิศทางของวง Bomb at track ชัดเจนขึ้น “เพราะความคิดคนมันห่วย สังคมเลยห่วยแตก”

                          -BAT IS REBEL-

ด้วยเนื้อเพลงที่วิพากษ์สังคมอย่างตรงไปตรงมา และการแสดงสดที่ดุเดือดบนเวที พวกเขาถูกสวมหัวด้วยคำว่าศิลปินที่มีความ “ขบถ” ซึ่งพวกเขาบอกว่า ชอบคำนี้ ซึ่งตรงกับคาแรกเตอร์เพลง เนื้อหา และสะท้อนตัวตนของวงได้ดีที่สุด ปราชญานนท์ หรือปุ้ย เล่าว่า

“ผมขบถกับแม่ครับ (หัวเราะทั้งวง) จริงๆ ทุกคนน่าจะมีความขบฎในตัวเองอยู่แล้ว ดนตรีของพวกเราก็มีความขบถ อยากทำอะไรแปลกใหม่ที่มันลงตัว และสิ่งที่ต้องการจะพูด ไม่จำเป็นต้องคนดีหรือไม่ดี แต่ต่อต้านกลุ่มที่ยิ่งใหญ่กว่า มีอำนาจเหนือกว่า นั่นคือขบถในแบบของ Bomb at Track”

เต้ : อีกอย่าง ผมเคยเจอประสบการณ์ตรงมาบ่อย มันเลยมีความหัวขบถ เราต่อต้านสิ่งเหล่านั้น จนออกมาเป็นเนื้อเพลง หรือเรื่องที่คนในวงเจอมาแล้วแชร์กัน

ด้าน ข้น มือเบสได้เล่าต่อว่า วงไม่ได้ยืนในจุดที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างชัดเจน แต่พูดแทนคนที่ “ถูกกระทำ” มากกว่า

“เราไม่ได้เป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราอายุ 22 ปีเอง เป็นแค่กลุ่มวัยรุ่นธรรมดาที่มีเรื่องอยากจะพูด และมีสิทธิ์ที่จะแสดงออก พูดในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง เราไม่ใช่ฝ่ายไหน หรือข้างไหน ไม่ได้ยืนอยู่จุดไหน หรือเป็นใครในสังคม เราเป็นแค่กลุ่มวัยรุ่นที่มองออกว่าเรื่องอะไรดีหรือไม่ดีเท่านั้น โดยใช้ดนตรีเป็นสื่อกลาง”

                    -ทำเพลงตรงเกินไป สะดุ้งถึงผู้มีอำนาจ-

หลายครั้ง การพูดเรื่องจริงก็เป็นดาบสองคม และบาง “ความจริง” ก็ละเอียดอ่อนเกินจะพูดในที่แจ้ง ยิ่งอาชีพศิลปินที่ต้องใช้ชีวิต โชว์อยู่ใต้แสงไฟ เป็นเป้าใหญ่ ยิ่งเคลื่อนไหวก็ยิ่งถูกจับตาง่าย โดยเฉพาะวงหน้าใหม่ที่กำลังพูดเรื่องสังคมแรงๆ อาจทำให้มีผู้ไม่พอใจต่อพวกเขาได้ เต้ ผู้เป็นกระบอกเสียงของวง และคนเขียนเนื้อเพลงเล่าว่า

“แรกๆ ก็กลัวครับ แต่ทำไปเรื่อยๆ เราศึกษามากขึ้น ทำยังไงไม่ให้โดนและเซฟตัวเองมากที่สุด ใช้วิธีเลี่ยงคำบ้าง ไม่ใช้คำที่เฉพาะเจาะจง เน้นการเปรียบเปรย ตอนนี้ก็ไม่น่าโดนครับ (หัวเราะ) อย่าง เพลงอำนาจเจริญ ทุกคนฟังแล้วเก็ทว่าผมพูดถึงใคร แต่เราไม่ได้พูดออกไปตรงๆ ให้คนฟังตีความแทน”

มีผู้ใหญ่-คนมีอำนาจมาเตือนบ้างไหม?

เมษ : ไม่มีนะครับ มีแต่คนชอบ(หัวเราะ) มีแฟนคลับเป็นคนในเครื่องแบบ บอกฟังไปสะดุ้งไป(หัวเราะ) เดี๋ยวจะพาเพื่อนที่ สน.มาฟัง

ปุ้ย : แม่ผมสะดุ้ง(หัวเราะ) แม่ดีใจ ภูมิใจที่ลูกออกเพลง ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะส่งให้แม่ฟังดีมั้ย แต่พอกระแสดีเลยลองส่ง แม่โทรมา ทำเพลงอะไรเนี่ย ด่าอะไร พูดไม่เพราะเลย (หัวเราะ) แม่ก็บ่นๆ ไม่ได้ว่าอะไร ก็ปลื้ม แต่ไม่ได้ฟังละ

เมษ : ผมส่งไปก็บอกว่า ถ้าไม่ติดคุกก็โดนยิงตาย (หัวเราะ) อันนี้พูดกันเล่นๆ พ่อส่งไปในกรุ๊ปไลน์ ก็ดันมีผู้พิพากษาชอบ

                      -เคยเจอเอาเปรียบโดยตรง-

ในพาร์ทของเนื้อเพลง จุดศุนย์กลางจะเริ่มจาก เต้ นักร้องนำ และการแชร์ประสบการณ์ความอัปยศโดยเพื่อนร่วมวง แต่ทว่าฟรอนท์แมนร่างเล็กมักจะดวงซวย เจอเรื่องราวความอยุติธรรมมากกว่าใครเพื่อน เต้ ได้เล่าที่มาของเพลง “ฉวย” ซิงเกิลล่าสุด ว่าเป็นประสบการณ์ตรงที่โดนเอาเปรียบในชีวิตจริง

“เคยเจอโกงค่าโดยสารรถประจำทางในช่วงเทศกาล ที่หน้าด้านปรับราคาอย่างหน้าเลือด ทั้งที่เราขึ้นราคาปกติมา 4 ปี เป็นความไม่พอใจส่วนตัวครับ จนเป็นที่มาเพลงฉวย”

“การโกง ถึงมันจะเล็กน้อย ไม่กี่บาท แต่เป็นปัญหาที่นำไปสู่เรื่องใหญ่ๆ ได้ คนที่มีอำนาจหรือตัวใหญ่กว่า อาจจะไม่ได้โกงกันแค่ 10-20 บาท ที่แย่เลยคืออาจเป็นแบบอย่างให้เด็กๆ ลอกเลียน เอานิสัยไปใช้ คอนเซ็ปต์ที่เต้เจอ เลยถูกนำมาพัฒนาต่อเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้น พูดเรื่องที่กว้างมากขึ้น ว่าด้วยเรื่องการโกงในสังคมไทย” ข้น ช่วยเสริมที่มาคอนเซ็ปต์เพลงฉวย

 

                        -ก้าวกระโดดสู่ค่ายใหญ่-

หลังอัลบั้ม EP. ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในฐานะวงร็อกดาวรุ่งที่น่าจับตามากที่สุดวงหนึ่ง Bomb at Track ก็ตบเท้าเข้าสู่ค่าย Wayfer Records ภายใต้สังกัด Warner Music Thailand ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวง ซึ่งพวกเขาเล่าว่า ทางค่ายได้มาทาบทามตั้งแต่ปล่อยเพลง “อำนาจเจริญ” ออกไป แต่ทางวงอยากลุยอัลบั้ม EP. ด้วยศักยภาพของตัวเองก่อน ถึงจะล้มก็ไม่เป็นไร

“หลังปล่อยเพลงอำนาจเจริญ พี่โน่(ดนัย ธงสินธุศักดิ์-โปรดิวเซอร์) มาชวน แต่เราขอทำอัลบั้ม EP. ในแบบของเราก่อน เราอยากลองผิดลองถูก ลุยให้สุด ไม่ต้องมีกรอบ เราอยากรู้ว่าเราจะทำได้ขนาดไหน จบ EP. แล้วค่อยมาทำค่าย ตัวตนเราก็ยังไม่ชัดขนาดนั้น วงเราก็ใหม่มาก ยิ่งพูดเรื่องแบบนี้ ยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน” นิลเล่าถึงก้าวกระโดดของวง

ส่วนข้นเล่าการทำงานในบ้านหลังใหญ่ว่า “ที่ค่ายก็ดีกับเรา ให้อิสระทำเพลงเหมือนเดิม เราก็ไม่ได้อยากจะไปซัดใคร หรือหยาบคายตลอดเวลา(หัวเราะ) การเข้ามาอยู่ค่าย เราอาจจะทำงาน มีวิธีคิดที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น หาทางออกตรงกลางได้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป้าหมายของวงกับค่ายก็ไปในทางเดียวกัน โดยที่เราก็ยังเป็น Bomb 100% ทำงานกับพี่โน่ก็ดี มีแง่มุมจากผู้ใหญ่ที่ผ่านโลก ผ่านสังคมแต่ละยุคมาเยอะกว่า ก็ให้คำปรึกษากับเราที่ดี แต่สุดท้ายคนตัดสินใจคือเราลุยกันเอง โดยเฉพาะพาร์ทของดนตรีที่พี่โน่ให้อิสระเยอะมาก”

                           -Go Inter-

ความสำเร็จของ Bomb at Track ไม่เพียงเป็นที่รู้จักในวงการเพลงร็อกบ้านเราเท่านั้น แต่ยังสามารถปักธงชาติไทยในทวีปเอเชียได้อย่างเต็มภาคภูมิ เมื่อพวกเขาได้โอกาสไปทัวร์ไต้หวัน-เกาหลี สร้างฐานแฟนเพลงเล็กๆ และคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวด Hong Kong Asia-Pacific Youth Band Sound Competition 2017 ที่พวกเขาย้ำว่า ไม่เคยแข่งชนะเวทีไหนมาก่อนในชีวิต

“แฟนเพลงที่โน่นน่ารัก โบกธงชาติไทย เราใช้ภาษาดนตรีสื่อสารกันแทน ฟีดแบ็คกลับมาดีมาก ทั้งในแง่โชว์ ทีมงาน การทำงานต่างๆ เราได้เรียนรู้ความผิดพลาดจากการทัวร์เยอะมาก ตอนนี้พอมีงานใหญ่เราเลยซ้อมกันหนักมาก ทุกอย่างต้องเป๊ะ”

ภาพจาก Bomb at Track

ส่วนการประกวด วงเราไม่เคยมีดวงด้านนี้(หัวเราะ) ประกวดตอนมัธยม-มหาลัย ไม่เคยชนะอะไรเลย รางวัลเล็กก็ไม่เคยได้ ทุกรางวัลประกาศไปแล้ว กีตาร์ยอดเยี่ยม กลองยอดเยี่ยม ร้องยอดเยี่ยม ก็ทำใจคงไม่มีดวงด้านนี้จริงๆ ไอ้ปุ้ยนั่งร้องไห้ กูมาทำไม มาตั้งไกล พอถึงรางวัลสุดท้าย เราได้รางวัลที่หนึ่ง กรี๊ดเลย กรรมการ คนชมกันเยอะมาก แล้วเราก็ได้คอนเนคชั่นเพื่อนใหม่เยอะ วงในเกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม ก่อนไปก็คิดแค่เล่นให้เต็มที่ เหมือนไม่ได้ไปแข่งด้วยซ้ำ (หัวเราะ) แต่ก็ซ้อมกันไปเยอะมาก จากนั้นก็เหลิงอยู่วันนึง แบบเฮ้ย กูก็ได้อยู่นะ มีเหมือนกันๆ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเก่งที่สุดหรอก

ส่วนนิลเสริมว่า เราดีใจเพราะทุกวงมาโชว์สกิลดนตรี โซโล่ กีตาร์ฮีโร่ปล่อยไฟ แต่เราโชว์น้อยมาก ไม่ค่อยโดดเด่น แต่มันเฟี้ยวตรงที่ ถ้ารวมกัน เราเป็นทีมเวิร์คที่แข็ง พลังเราจะใหญ่มาก แต่อย่าแยกกันนะ…ตาย (หัวเราะ) ทีมเวิร์คคือหัวใจของ Bomb at Track ครับ

 

                   -เล่นทุกโชว์ให้เหมือนวันสุดท้ายของชีวิต-

Bomb at Track ถูกยกให้เป็นวงดนตรีสายเลือดไทยที่เล่นสดได้เดือดที่สุดวงหนึ่งในยุคนี้ และควรค่าแก่การดูสักครั้ง หากคุณรักในดนตรีร็อก เพราะพวกเขารีดพลังกาย โชว์เพอร์ฟอมานซ์ และเล่นมันออกมาด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งเมษ พูดให้ฟังว่า เราเล่นทุกโชว์เหมือนวันสุดท้ายที่ได้เล่น

“เราเล่นกันแทบจะเป็นลมทุกครั้ง ถ้าขาดน้ำคือตายแน่(หัวเราะ) เราดีไซน์โชว์จากประสบการณ์ แต่ละคนจะสังเกตกัน แล้วนัดแนะกัน ให้คนดูสามารถร่วมสนุกกับเราได้ พยายามหาอะไรมาเซอร์ไพรส์คนดู ที่สำคัญคือเล่นเต็มที่ แรกๆ มีคนที่ไม่เก็ทกับเพลงเรา หรือโชว์เรา แต่ทุกวันนี้มีกลุ่มคนที่เปิดใจมากขึ้น แล้วสนุกไปกับเรา จับสิ่งที่เราต้องการสื่อสารได้ ก็ปลดล็อกทั้งเราและคนดู”

ภาพจาก Bomb at Track

                    -Rage Against The Machine เมืองไทย-

แม้ผลตอบรับจะเป็นไปในทางบวก แต่มันก็มาพร้อมกับการชื่นชมและยกให้ Bomb at Track เป็น Rage Against The Machine ของเมืองไทย ด้วยแนวเพลง Nu Metal เหมือนกัน และเนื้อเพลงที่เสียดสีสังคมอย่างเกรี้ยวกราด ขณะเดียวกัน ก็มีคนตราหน้าพวกเขาว่าเป็นพวกขี้ก็อป ไม่มีแนวทางของตัวเอง

“เรารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรใหม่ 100% ไม่งั้นวงการเพลงก็มีแค่ “อิทธิพล” กับ “ก็อปปี้” บางทีเรายังอาจไปว่าคนอื่นเลยว่าเพลงนี้เหมือนเพลงนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่เรารู้คือ เรามั่นใจว่าไม่ได้ก็อป และพยายามสร้างแนวทางของตัวเอง เราจะรู้โครงสร้างมัน และไม่ได้ทำเพลงโดยรู้สึกแหยงตัวเอง” ข้น พูดถึงกระแสวิจารณ์ตัววง

ส่วนเต้เสริมว่า สิ่งที่ล่อเป้าให้คนบอกว่าเราคือ Rage Against The Machine เมืองไทย อาจเพราะเนื้อเพลงที่ไปเสียดสีสังคม ถ้า Bomb at Track เปลี่ยนเนื้อหา ก็อาจไม่โดนว่าก็ได้ อาจเป็นเพราะเนื้อเพลงที่คนโยงมา”

                     -ถ้า Bomb at Track มีอำนาจในมือ-

เกือบ 100% ของเนื้อเพลง Bomb at Track พูดถึงความไม่เท่าเทียม การเอารัดเอาเปรียบ และผู้มีอำนาจในมือ โดยแทนตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ หากลองเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นฝ่ายมีอำนาจล้นมือบ้าง พวกเขาได้จินตนาการอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมนี้

เมษ : วงการดนตรี ให้มันแข็งแรงขึ้น สังคมก็หวังว่าสักวันมันจะดีขึ้นเหมือนกัน

เต้ : อยากเปลี่ยนใจคนครับ ให้คนเราคิดถึงอื่นมากขึ้น ไม่เห็นแก่ตัว ถ้าปัญหานี้หมดไป การช่วยเหลือจะเยอะขึ้นกว่านี้ จะไม่มีการออกมาตีกันกลางถนน

ปุ้ย : อยากเปลี่ยนกรุงเทพให้มีสีเขียวมากขึ้นครับ อาจจะเป็นไปไม่ได้นะ ทุกวันนี้เราแม่งเห็นแต่คอนกรีต อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนหัวร้อน อากาศร้อน ถ้ามันมีธรรมชาติมากขึ้น มันน่าจะดีกว่านี้หรือเปล่า

นิล : อยากเปลี่ยนเรื่องความใส่ใจของคนในสังคม เวลามีเรื่องราวอะไร บนโลกออนไลน์ก็ดี มันเป็นแค่แฟชั่น มีประเด็นขึ้นมา 2-3 วันก็หายไป แต่ไม่มีคนไปแก้ปัญหานั้นจริงๆ ทั้งที่มันมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้นทุกวัน ไม่ใช่เห็นปุ๊บด่า แล้วปล่อยไป

ข้น : เปลี่ยนวงการดนตรีโดยรวมครับ มันไม่เคยถูกแก้ โครงสร้างมันไปตามจำนวนเงิน คนที่มีอำนาจที่สุด เค้าทำเพื่อธุรกิจ เค้าไม่ได้สนใจว่า ท่อนนี้มันยากง่าย มันสวยงามยังไง เพราะเค้าไม่ใช่นักดนตรี แต่เค้าเป็นคนลงทุน อยากให้ลองฟังเพลงแล้วรู้สึกว่าอยากพัฒนาวงการนี้จริงๆ และเงินไม่ได้สำคัญสำหรับเค้า เท่ากับความคิดสร้างสรรค์และการต่อยอดวงการดนตรี ถ้าเปลี่ยนได้มันจะเลี้ยงอาชีพเราได้อย่างมั่นคง

                                                                                         -จุดสูงสุด-

ชื่อเสียง และความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นเพียงหลักไมล์แรกของพวกเขา ยังมีด่านสำคัญให้พวกเขาพิสูจน์ตัวเองอีกมากมายในเส้นทางดนตรี อย่างที่รุ่นพี่หลายๆ วงเคยผ่านมาได้ หรือมีอีกหลายวงที่ทนแรงเสียดทานไม่ไหว ล้มหายตายจากไปก็หลายวง แต่พวกเขาก็วาดจุดสูงสุดของวงเอาไว้ด้วยความทะเยอทะยาน

เมษ : เราอยากไปสู่ระดับอินเตอร์ แต่อยากให้สุดในเมืองไทยก่อน

เต้ : อยากให้ผู้หญิงฟังครับ(หัวเราะ) ไม่ว่าผู้หญิงประเภทไหนก็ตาม อยากให้เพลงเราสามารถเปิดในร้านเหล้าได้ โดยไม่ตีกัน อารมณ์ไม่ขึ้นนะครับ (หัวเราะ) อยากให้ผู้หญิงฟังมากขึ้น

ปุ้ย : อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง เราอยากเป็นนักปฎิวัติ (หัวเราะ) ไม่ใช่แค่วงดนตรีอย่างเดียว อยากเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้บ้าง แต่วงเราเล่นทีไร เจ้าหน้าที่มาล้อมประจำ กลัวมีการปลุกระดม เคยโดนไล่ก็มี (หัวเราะ) อยากมีการเรียกร้องจริงๆ เกิดขึ้น

นิล : อยากให้ดนตรีร็อกมันกลับมา ใครๆ ก็ฟังร็อก หันไปทางไหนก็มีแต่เพลงร็อก ย้อนไปตอน ม.ต้น นี่ดุเดือดมาก

ข้น : ผมอยากให้กระแสเพลงร็อกกลับมา อยากทำให้เพลงเราเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง จะได้ไปเล่นโรงเหล้าแสงจันทร์ได้(หัวเราะ)

ก่อนจบบทสนทนา ต้อนรับเทศกาลวันเด็ก Bomb at Track ในฐานะ “เยาวชนของชาติ” สาขาวงร็อก ได้ทิ้งท้ายแบบเจ็บๆ ถึงผู้ใหญ่ว่า

“อยากให้ผู้ใหญ่รับฟังความคิดเห็นเด็กมากขึ้น ไม่ใช่บอกว่าเด็กอยู่จะไปรู้อะไร เด็กเค้าก็มีความคิด เติบโตมาในสังคมนี้เหมือนกัน ถ้าเค้าจะพูดก็อย่าเอามือไปปิดปาก ให้รับฟังดีกว่า” ส่วนข้นได้ทิ้งท้ายว่า

“อยากฝากถึงเด็กครับ ถ้าเราเห็นผู้ใหญ่ทำอะไรที่เราไม่ชอบ โตไปเราก็ไม่ต้องทำครับ ไม่ต้องเป็นคนแบบนั้น”