“เห้ย.. แฟนต้ารสใหม่” “น้ำอัดลมกลิ่นทุเรียนแบบ…+฿#%#@$*” “เห็นกระป๋องเหลืองๆ แปลกดีเลยลองซื้อมา”….
เสียงสะท้อนจากโลกโซเชียลทั้งในเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ต่างกำลังพูดถึงเครื่องดื่มน้ำอัดลม “แฟนต้า” ยักษ์น้ำอัดลมในเครือของโคคา-โคล่า ที่ปิ๊งไอเดียแปลกใหม่ออกผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมกระป๋องสีเหลืองเตะตา พร้อมกับข้อความที่ติดอยู่ข้างกระป๋องว่า “แฟนต้า #WTF รสอะไร?”
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
ด้วยความอยากรู้ และตกเป็นทาสของการตลาด จึงเดินเข้าซื้อในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง กวาดตามองหาเป้าหมายพร้อมหยิบออกมา 2 กระป๋องและเดินไปจ่ายเงิน แถมยังแอบกระซิบถามพนักงานในร้านว่ารสชาติมันต่างกันจริงหรือไม่…คำตอบที่ได้มาบอกว่า “รสชาติเหมือนกัน!?”(สงสัยน้องพนักงานอาจจะไม่รู้ว่ามืรสออกใหม่ถึง 4 รสชาติ แต่หน้าตาของกระป๋องเหมือนกันก็เป็นได้)
และด้วยความสงสัยว่ามันเป็นมาอย่างไร และน้ำอัดลมตามคำร่ำลือที่ว่ามี “กลิ่นของทุเรียน” เป็น 1 ใน 4 รสชาติออกใหม่ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในตอนนี้จะมีรสชาติอย่างไร วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” พามาหาคำตอบกัน
ไม่รอช้า “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” ต่อสายตรงและส่งอีเมล์ไปสอบถามยังบริษัทโคคา-โคล่า ได้ความว่า ผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่นี้เริ่มวางจำหน่ายเมือปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยแฟนต้าตั้งใจเอาสีสันและความสนุกสนานที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกไปด้วยกัน จึงได้ออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ WTF
WTF เป็นคำย่อของ ‘What the Fruit’ โดยผู้บริโภคจะได้ทายและร่วมร่วมในขณะดื่มว่าแฟนต้าที่ตัวเองซื้อมานั้นเป็นกลิ่นอะไร (เนื่องจากจะไม่มีการบอกไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์) ทั้งนี้ตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 15-19 ปี
สำหรับ WTF มีด้วยกัน 4 รสชาติด้วยกันคือ ฟรุตตี้มิกซ์ , มิกซ์ฟรุตตี้ , ฟรุตมิกซ์ และมิกซ์ฟรุต ส่วนจะเป็นรสชาติของผลไม้อะไรบ้างนั้นคงต้องลองทายกันดู
อย่างไรก็ตาม “แฟนต้า” ยังเปิดเผยอีกว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีวางขายจนถึงเดือนพฤษจิกายน ปี 2561 เท่านั้น
เรียกได้ว่างานนี้คงถูกจริตของชอบลองไม่มากก็น้อย ส่วนการเข้าถึง และรสชาติจะถูกปากผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหนก็คงต้องไปหามาลองสักครั้ง และเพราะตลาดน้ำอัดลมมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท การแย่งชิงพื้นที่ความเป็นอันดับ1 คงต้องวัดจากฝีมือของทีมมาร์เก็ตติ้งแต่ละเจ้าว่าใครจะจับตลาดได้เก่งกว่ากัน
