อย่าเชื่อจนกว่าจะเห็นกับตา! เช็กอิน 5 ที่เที่ยวดัง! ใน “กวางโจว” เมืองเศรษฐกิจพิเศษของจีน

เรื่องโดย กรกนก มาอินทร์ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ไปเห็นกับตา อย่ากลัวหากไม่เคยไปสัมผัส!

หลังจากมีโอกาสได้ไปเยือนจีนเเผ่นดินใหญ่ในฉบับของคนที่ไม่เคยไปสักครั้ง ค้นพบว่าเดี๋ยวนี้ไปมาหาสู่กันง่ายเสียเหลือเกิน โดยหลายสายการบินต่างออกโปรโมชั่นกระหน่ำเอาใจลูกค้ากันเป็นเเถว

เราออกเดินทางไปกับสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งในครั้งนี้บินตรงจากภูเก็ต สู่กวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง เเละเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน

เเอบตื่นเต้นหน่อยๆ เพราะไปแบบคนไม่เคยสัมผัสความเป็นจีน ได้เเต่ดูรีวิวตามกระทู้ หรือบล็อกต่างๆ ซึ่ง “กวางโจว” นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เจริญในด้านต่างๆ มีอุตสาหกรรมมากมาย ย่านการค้า รวมไปถึงเเหล่งท่องเที่ยว ที่วันหยุดยาวปีใหม่นี้ หากใครอยากหาสถานที่พักผ่อน ก็ลองเลือกเอาไว้ในลิสต์รายชื่อ ซึ่งเราได้คัดมาเน้นๆ 5 สถานที่เที่ยว เมื่อไปกวางโจวที่คุณต้องเเวะไปเช็กอิน

กว่างโจว กวางโจว หรือ กวางเจา เป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่งของจีน คือ เซินเจิ้น จูไห่ และ ซัวเถา นอกจากนั้นเมืองกว่างโจวยังมีสำเนียงเฉพาะถิ่นที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของ ฮ่องกง และมาเก๊า เรียกว่า สำเนียงกว่างโจวอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการคมนาคมขนส่งที่สะดวก ทันสมัย มีระบบรถไฟใต้ดินครอบคลุมเมืองชั้นในทั้งหมด

ประเดิมที่เเรกกันด้วย “อนุสาวรีย์แพะห้าตัว” อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองกวางโจว ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างโดยใช้หินแกรนิตจำนวน 120 ก้อน แกะสลักประกอบเป็นแพะ 5 ตัว แพะตัวใหญ่คาบรวงข้าว 6 รวง ยืนสง่าอยู่บนฐาน

ความพิเศษคือมีเรื่องเล่าว่า เมื่อ 4,500 ปีก่อน สมัยโจวหยีหยาง มีเทวดา 5 องค์สวมเสื้อสีสันต่างกันขี่แพะ 5 ตัว และคาบรวงข้าว 6 รวง ลงมาสู่เมืองมนุษย์ คือเมืองกวางโจว และได้มอบพันธุ์เมล็ดข้าวแก่ชาวเมืองกวางเจา เพราะเห็นว่าผู้คนอดอยาก ปลูกพืชผลลำบาก พร้อมอวยพรให้พ้นจากความอดยากตลอดกาล

เมื่อสิ้นคำพูดเทวดาก็หายไป ซึ่งเเพะที่ขี่มาก็กลายเป็นหิน 5 ก้อน ซึ่งเล่ากันว่านักประติมากรรมก็ได้แกะสลักแพะ 5 ตัว ตามตำนานที่กล่าวไว้และจากนั้นเมืองกวางโจวก็มีเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ทำให้ชาวเมืองซาบซึ้งในบุญคุณ เเละตั้งอนุสาวรีย์แพะห้าตัวขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงนั้นเอง

โดยบริเวณรอบๆ เป็นสวนสาธารณะ มีผู้สูงวัยมาออกกำลังกาย อากาศช่วงเช้าเย็นเเบบสดชื่นบอกไม่ถูก เเต่ความพีคคือช่วงที่ไปกลางวันจะร้อน ซึ่งเราก็ค้นพบว่า กลางวันหากยืนท่ามกลางเเสงเเดดจะร้อน เเต่พอเข้าในที่ร่มอากาศเย็นเสียอย่างนั้น

ตามมาเช็กอินกันต่อกับ “เจ้าแม่กวนอิมที่เขาเหลียนฮัวซาน” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองพันหยี บนยอดมีเจดีย์ดอกบัว หรือเจดีย์เหลียนฮัวถ่า สร้างในยุคราชวงศ์หมิง สูงกว่า 50 เมตร เป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมมีเก้าชั้น ทางด้านริมทะเลมีรูปหล่อเจ้าแม่กวนอิมซึ่งสร้างขึ้นมาในยุคหลัง สูงประมาณ 41 เมตร หล่อด้วยทองเหลืองหนัก 120 ตัน และ ทองคำหนัก 180 ตำลึง สร้างโดยชาวจีนโพ้นทะเล หน่วยงานราชการ และ ชาวจีนร่วมกันบริจาคเงินทองและปัจจัยอื่นๆ

บริเวณนี้ไกด์นำเที่ยวบอกมาว่าส่วนมากเป็นคนจีนในเมืองอื่นที่มาเที่ยว ไม่ค่อยมีคนกวางโจวเท่าไหร่ เราเลยจะเห็นภาพนักท่องเที่ยวถือธูป พร้อมกระดาษมาไหว้ขอพรกันเพียบ

ไปต่อกันที่ “สวนอุทยานเป่าม่อ” อีกสวนสาธารณะบรรยากาศดี ร่มรื่น เหมาะเเก่การมาเดินเล่นกับสัตว์เลี้ยงคู่กาย เดินเข้ามาด้านในจะเจอสะพานมังกรให้เดินข้ามเป็นการเสริมสิริมงคล เมื่อเดินข้ามมาจะเจอกับกำแพงศิลาแกะสลักลวดลายเป็นนกและสัตว์ต่างๆ ซึ่งมีรูปนกฟินิกซ์ นกที่ไม่มีวันตายอยู่ศูนย์กลางของภาพ เเต่สิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาเห็นจะเป็นบ่อน้ำที่อยู่ทั่วบริเวณอุทยานเต็มไปด้วยปลาคาร์ฟกว่า 20,000 ตัว เเต่ใครที่อยากมาเรียนรู้นั้น ด้านในอุทยานมีอาคารพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสิ่งของล้ำค่า

ไม่ใช่เรื่องเเปลกที่ใครมาเเล้วจะเจอเด็กนักเรียนจีนพร้อมคุณครูมาทัศนะศึกษา…ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างสนุกสนาน

เพิ่มความตื่นเต้นด้วยสถานที่เช็กอินที่ใครไปกวางโจวจะต้องได้ไปเยี่ยมเยือน “Guangzhou Tower” หรือหอคอยแคนตัน (Canton Tower) หอคอยแห่งนี้มีความสูง 595.7 เมตรจากพื้นไปจนถึงยอดเสาอากาศ เป็นหอคอยสูงติดอันดับ 2 ของโลก รองจากหอคอยโตเกียว (Tokyo tower) ในประเทศญี่ปุ่น

ต่อเเถวขึ้นลิฟท์กันไม่กี่นาทีเราก็มาถึงชั้น 108 สูงจากพื้น 433.2 เมตร เห็นวิวเมืองกวางโจวกันเเบบ 360 องศา เเอบตื่นเต้นกับวิวที่เห็น เพราะเขามีจุดชมวิวพิเศษเป็นช่องยื่นออกไปให้เราเดินเข้าไปถ่ายรูป เเละจะเห็นชัดว่าตึกรามบ้านช่องดูเล็กไปหมด โดยชั้นนี้เราสามารถซื้อของที่ระลึก หรือเดินขึ้นบันไดไปชมวิวต่อที่ชั้น 109 ได้อีกด้วย

ปิดท้ายกันด้วยการ “ล่องเรือในแม่น้ำจูเจียง” ที่จะเห็นตึก Guangzhou Tower เปิดไฟสลับสีสันสวยงาม อากาศเย็นๆปะทะเข้าที่ผิวหน้า ผ่อนคลายจนอธิบายไม่ถูก เราเห็นสะพานประดับไปด้วยเเสงไฟ ตุ๊กตามากมาย รอบข้างเป็นตึกที่อยู่อาศัยสูงระฟ้าไปหมด

กวางโจวที่เราเห็นนั้น ถือเป็นเมืองที่มีความเจริญทั้งด้านเศรษฐกิจ บ้านเมือง การใช้ชีวิต เเอบมีเรื่องเล่าจากไกด์ว่าที่กวางโจวรถเยอะมาก จนต้องมีกฎหมายออกมาว่า รถที่ป้ายทะเบียนมีเลขตัวนี้ ห้ามขับขี่วันนี้ เราจึงเห็นภาพผู้คนเดินทางกันด้วยจักรยานไฟฟ้าเต็มสองข้างถนน คนเยอะเป็นเรื่องจริงในจีนเเผ่นดินใหญ่ เเต่ระบบการจัดการของจีนนั้นเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องยกนิ้วชื่นชม

ใครที่กลัวในเรื่องของสุขอนามัย อาหารการกิน หรือติดภาพของเเปลก ของปลอมจากโลกโซเชียลมีเดีย เราอยากให้ลืมภาพเหล่านั้นเเล้วลองออกเดินทางไปเจอของจริง จะรู้ว่า “จีนมีดีกว่าที่คิด”