
ศึกพรีเมียร์ลีกคู่ดึกคืนวันพุธ บิ๊กแมตช์ ผีแดง ปะทะ ไก่เดือยทอง ลงเอยด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านที่ฟอร์มดีกว่า แต่มีดราม่า โรนัลโดเดินออกจากสนามก่อนจบเกม
วันที่ 19 ตุลาคม 2565 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งเป็นทีมหัวตารางด้วยกันทั้งคู่
- ประกาศใหม่ ผลประโยชน์ตอบแทนบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตน ม.33,39
- ทำความรู้จักบัตรวิสดอมกสิกรไทย ต้องรวยแค่ไหนถึงถือบัตรได้
- เปิดวิธีลงทะเบียน เลือกตั้งล่วงหน้า 2566 มีขั้นตอนอย่างไร ?
แม้ยูไนเต็ดจะเพิ่งเสมอนิวคาสเซิลมาแต่ 13 นัดหลังในบ้านแพ้แค่เกมเดียวเท่านั้น ส่วนสเปอร์สกำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มดีเช่นกัน 16 เกมหลังสุดแพ้แค่เกมเดียว และเก็บแต้มได้มากที่สุดจาก 10 นัดแรกของฤดูกาลตั้งแต่ปี 1964
เกมนี้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดปรับหนึ่งตำแหน่ง ส่งมาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเป็นกองหน้าตัวเป้าแทน คริสเตียโน โรนัลโด ส่วนสเปอร์สนำมาโดยสองคู่หูตัวรุก แฮร์รี่ เคน และซน ฮึงมิน
เริ่มเกมมาทั้งคู่ต่างมีโอกาสป้วนเปี้ยนหน้าปากประตูของคู่แข่ง แต่เป็นแมนฯยูไนเต็ดที่มีโอกาสมากกว่าในช่วง 10 นาทีแรก จนอูโก้ ยอริส ผู้รักษาประตูของสเปอร์สต้องออกแรงเซฟ โดยโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดของเจ้าบ้านเป็นแอนโทนี่ที่ได้ปั่นด้วยเท้าซ้าย แต่บอลผ่านมืออูโก้ ยอริส ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นเกมเริ่มเปิด และเป็นเจ้าบ้านที่คึกคักกว่าอย่างชัดเจนในช่วง 30 นาทีแรก เฟรดไหลบอลให้มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปดวลเดี่ยว แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของอูโก้ ยอริส และเป็นจังหวะต่อเนื่องที่บรูโน แฟร์นันเดส ได้ปั่นฟรีคิก ยอริสเซฟอีก

ต่อมา ลุก ชอว์ ได้วอลเลย์จากทางซ้าย แต่ยอริสก็ยังท็อปฟอร์ม ผวาปัดออกไปได้ ผีแดงยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องและมีจังหวะหวาดเสียวหลายครั้ง โดยขึงเกมใส่สเปอร์สอยู่ฝ่ายเดียว ทำเอาแฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึงมิน หายไปจากเกม
กว่าแฮร์รี่ เคน จะมีโอกาสสับไกครั้งแรกให้ ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงเซฟก็ล่วงไปถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก อย่างไรก็ตาม แม้จะเริ่มครึ่งแรกได้อย่างดุดัน แต่ผีแดงก็ยังทำอะไรผู้มาเยือนไม่ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรกไปที่สกอร์ 0-0
ครึ่งหลังผีแดงได้ 2 ประตู
ครึ่งหลัง แมนฯยูฯได้ประตูจนได้จากลูกยิงแฉลบของ เฟรด นาที 47 และได้ประตูที่สองจากกัปตันทีม แฟร์นันเดส นาที 69

โดยเริ่มครึ่งเวลาหลังได้เพียง 2 นาทีเท่านั้น ยูไนเต็ดตัดบอลได้จากกลางสนาม เจดอน ซานโช่ ไหลให้ เฟรด ยิงจากบริเวณหัวกะโหลกหน้ากรอบเขตโทษ บอลแฉลบ เบน เดวิส เปลี่ยนทางเข้าประตูไปในนาทีที่ 47 ทำเอาอูโก้ ยอริสได้แต่ยืนมอง เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0
ถัดมาไม่นานผีแดงก็มีโอกาสบวกประตูเพิ่ม ในนาทีที่ 49 โดยมาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ยิงจากทางขวา แต่ยังกินอูโก้ ยอริสไม่ได้
ช่วงนาทีที่ 60 ก็ยังเป็นเจ้าบ้านที่ครองเกมบุก เล่นได้ใจแฟนบอลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สเปอร์สยังหาเกมของตัวเองไม่เจอและเป็นยูไนเต็ดที่เก็บจังหวะสองได้เกือบทั้งหมดและใช้ประโยชน์จากความเร็วของแนวรุกในการโจมตี
ในที่สุดเจ้าบ้านก็บวกประตูที่ 2 เพิ่มได้ จากจังหวะต่อเนื่องที่แฮร์รี่ เคน ยิงไปติดเซฟ เด เคอา แต่เป็นลูกล้ำหน้าและผู้ตัดสินให้เป็นจังหวะได้เปรียบ แมนฯยูไนเต็ดสวนกลับ แฟร์นันเดสปั่นด้วยเท้าขวา บอลผ่านมือยอริส เข้าประตูไป พาผีแดงทิ้งห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 69

จากนั้นเจ้าบ้านก็ไม่ได้ผ่อนเกม ยังคงมีจังหวะที่จะเอาประตูที่ 3 อย่างต่อเนื่อง แต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือยอริส และเจอธงล้ำหน้าจากผู้ตัดสิน
แม้จะนำถึง 2 ประตู แมนฯยูไนเต็ดยังคงเพรสซิ่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้สเปอร์สทำอะไรไม่ได้ถนัดนัก นาที 90 มีดราม่านอกสนาม เมื่อกล้องจับภาพไปที่คริสเตียโน โรนัลโด เดินออกจากสนาม ด้วยสีหน้าเซ็ง ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมยังแข่งไม่จบ กระทั่งต่อเวลาทดเจ็บ 4 นาที แมนฯยูไนเต็ดชนะสเปอร์สไปได้ 2-0
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเก็บ 3 แต้มสำคัญได้ แข่ง 10 นัดมี 19 คะแนน อยู่อันดับที่ 5 ส่วนสเปอร์ส แข่ง 11 นัด มี 23 คะแนน อยู่อันดับที่ 3 ของตาราง
ลิเวอร์พูลชนะเวสต์แฮม
ส่วนผลคู่อื่น ลิเวอร์พูล เปิดบ้าน เฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูของ ดาร์วิน นูเญซ นาที 22 ขณะที่อลีสซอน เบกเกอร์ ผู้รักษาประตูเซฟจุดโทษ จากลูกยิงของจาร็อด โบเวน ไม่ให้ถูกตีเสมอ นาที 45
นาที 22 คอสตาส ซิมิกาส ได้บอลทางฝั่งซ้ายแล้วเปิดโค้งเข้าเขตโทษ นูเญซ กระโดดโขกกดลงพื้นเด้งเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำ 1-0
นาที 39 นูเญซเกือบทำประตูเพิ่มจังหวะ ช้อกพักบอลแล้ววอลเลย์จากหน้าเขตโทษ บอลไปชนเสาเต็ม ๆ
นาที 42 โจ โกเมซ ทำฟาวล์ใส่ จาร์ร็อด โบเวน เวสต์แฮมจึงได้จุดโทษ โบเวนยิงเองไปติดเซฟ อลีสซอน เบกเกอร์ ลิเวอร์พูลจึงยังเป็นฝ่ายนำ 1-0 เมื่อจบครึ่งแรก และสกอร์ไม่ขยับในครึ่งหลัง
ทำให้ลิเวอร์พูลลงแข่ง 10 นัดเก็บเพิ่มเป็น 16 คะแนน อยู่อันดับ 7 ส่วนเวสต์แฮมเตะ 11 นัด มีอยู่ 11 คะแนน ยึดอันดับ 13
ด้าน นิวคาสเซิล เฉือนชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 จากประตูของอัลมีรอน นาที 31
เบรนต์ฟอร์ด เปิดบ้านเสมอ เชลซี 0-0
บอร์นมัธ แพ้ เซาแธมป์ตัน 0-1
อาร์เซนอล – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลื่อนแข่งขัน
