3 ทีมน้องใหม่ ไทยลีก ติดเขี้ยวเล็บ สู้ขาดใจ หวังไกลกว่าหนีตาย

ฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก หรือฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทย เปิดฤดูกาล 2018 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากสมาคมฟุตบอลฯได้ปรับโครงสร้างไทยลีกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2019 ให้ลดจำนวนทีมในลีกเหลือ 16 ทีม จากก่อนหน้านี้มี 18 ทีม ดังนั้นฤดูกาล 2018 จะปิดฤดูกาลด้วยการมีทีมตกชั้นถึง 5 ทีม

จากเดิมที่เลื่อนชั้น-ตกชั้นฤดูกาลละ 3 ทีม นั่นหมายความว่าโซนท้ายตารางปีนี้จะต้องดิ้นรนหนีตายอย่างหนักหน่วงกว่าปีก่อน ๆ

ที่น่าจับตามองมากที่สุดก็คงเป็น 3 สโมสรที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากไทยลีก 2 ในฐานะผู้มาใหม่ที่โดยปกติก็เจอความท้าทายมากอยู่แล้วในการต่อกรกับคู่แข่งที่เหนือชั้นกว่า ยิ่งเจอเกณฑ์ตกชั้น 5 ทีมเข้าไป ยิ่งท้าทายหนักขึ้นอีกเกือบเท่าตัว

มาดูกันว่า 3 ทีมน้องใหม่ คือ ชัยนาท ฮอร์นบิล, แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี และ พีที ประจวบ เอฟซี เตรียมทีมและเตรียมตัวอย่างไรเพื่อจะเอาตัวรอดในสมรภูมิที่โหดกว่าเดิม

ชัยนาท ฮอร์นบิล

ชัยนาท ฮอร์นบิล เคยเล่นไทยลีกแล้วตกชั้นลงไป 1 ฤดูกาล ได้กลับขึ้นมาอีกครั้งในฐานะแชมป์ไทยลีก 2 พร้อมสโลแกน “นักสู้ภูธร Hornbill Retums” ปีนี้มีงบฯ 70 ล้านบาท มีการเปลี่ยนหัวหน้าสตาฟโค้ชเป็น ดราโก้ มามิช ชาวโครเอเชีย เสริมทัพนักเตะใหม่ 12 คน ซึ่งน้อยที่สุดในบรรดา 3 ทีม

ที่เลื่อนชั้นขึ้นมา แต่ดีกรีระดับแชมป์ลีก 2 คงมีของดีในทีมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วระดับหนึ่ง ฉะนั้นจำนวนนักเตะใหม่อาจไม่ใช่คำตอบของการอยู่รอด

อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล กล่าวถึงเป้าหมายและการทำทีมในฤดูกาลนี้ว่า ปีนี้จะมีทีมตกชั้นถึง 5 ทีม ถือเป็นงานหนัก สโมสรชัยนาทฯตั้งคอนเซ็ปต์ว่า นักสู้ภูธร เนื่องจากชัยนาทเป็นจังหวัดเล็ก ๆ และทีมชัยนาทฯก็เป็นทีมเล็ก ๆ สิ่งเดียวที่ทีมชัยนาทฯสามารถสู้กับทีมอื่นก็คือใช้สปิริต ใช้ความเป็นนักสู้ และเลือดความเป็นทีมภูธร

“ผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ทีมเราประสบความสำเร็จ และทำให้พวกเรายืนหยัดบนลีกสูงสุดต่อไปได้”

อนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานและผู้จัดการสโมสร เปิดเผยแผนการลุยลีกสูงสุดว่า เบื้องต้นเก็บตัวหลักจากฤดูกาลที่แล้วไว้ และเพิ่มนักเตะใหม่ที่เห็นว่ามีความพร้อมสำหรับการเล่นในไทยลีก

นอกจากนั้นยังเตรียมความพร้อมโดยการเปิดทีมบี ผลักดันนักเตะจากอคาเดมีมาเล่นในทีมบี และมองว่านักเตะเยาวชนเหล่านี้จะเป็นอนาคตของทีม

ส่วนระบบการเล่นยังคงเน้นตัวระบบมากกว่าตัวบุคคล แต่เนื่องจากปีนี้จะต้องเจอทีมใหญ่ จะเน้นเกมรุกมากเหมือนปีที่แล้วไม่ได้ คงต้องเน้นเกมรับมากกว่าปกติ

จุดแข็งและจุดอ่อนของทีม เฮียรุทบอกว่า “โครงสร้างหลักเรายังเป็นนักเตะไทย ซึ่งมีจุดแข็งอยู่หลายคน และมีนักเตะต่างชาติ ซินีมา ปงโกลล์, เบอร์นาร์ด ดุมเบีย และดิยุฟ บีรัม ซึ่งคิดว่าน่าจะยกระดับทีมเพื่อต่อสู้ในไทยลีกได้ ส่วนจุดอ่อนคือเรามีงบฯน้อย ก็ต้องบริหารงบฯเท่าที่มีให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ข้อเสียเปรียบคือเราไม่มีนักเตะเกรดเอ แต่เรามีจุดแข็งมาทดแทนคือความเป็นนักสู้”

เรื่องเป้าหมายและความคาดหวัง เฮียรุทบอกว่า “จะพยายามให้รอด เรามั่นใจว่าจะไม่ตกชั้น เพราะเราเตรียมตัวมาเกือบสมบูรณ์แล้ว แต่เหนืออื่นใดคือไม่มีอะไรแน่นอน ฟุตบอลมีปัจจัยหลายอย่าง ก็หวังว่าถ้ามีโชคช่วยเราจะรอดตกชั้น เราตั้งเป้าไว้ประมาณเลขตัวเดียวครับ”

แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี

แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี มีนักเตะเสริมทัพ 16 ราย ทีเด็ดคือหัวหอกชาวบราซิล เลอันโดร อัสซัมเซา และ เจย์ซี จอห์น อ๊อกวุนวานเน ศูนย์หน้าชาวไนจีเรีย ส่วนเฮดโค้ชยังเป็น โค้ชเตี้ย-สะสม

พบประเสริฐ คนเดิม สะสม พบประเสริฐ หัวหน้าสตาฟโค้ชสโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี พูดถึงการเตรียมทีมว่า ปีนี้เสริมผู้เล่นต่างชาติและผู้เล่นที่มีประสบการณ์เข้ามาเยอะ เพราะฤดูกาลที่แล้วเสียดาวรุ่งไปเยอะ ขณะเดียวกันก็ยังมีนักเตะดาวรุ่งที่อยากปั้นขึ้นมาเล่นทีมใหญ่ให้ได้ ซึ่งเห็นแววอยู่หลายคน แต่การจะดันดาวรุ่งขึ้นมา ต้องให้ผู้เล่นที่มีประสบการณ์มาประคองทีม และต้องประเมินก่อนว่ามีโอกาสตรงไหน พอจะให้ลงนัดไหนได้บ้าง

งบประมาณการทำทีมปีนี้ โค้ชเตี้ยเปิดเผยว่า ไม่ได้มากขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่ เพราะสโมสรต้องจ่ายไปกับการทำสนาม การซ่อมแซมอะไรต่าง ๆ ที่เป็นข้อบังคับในการเล่นไทยลีก เฉพาะงบฯทำทีมมีอยู่ 42 ล้านบาท

สำหรับการเตรียมแผนการเล่นคือ พยายามซ้อมเยอะ ๆ เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนบางอย่าง ต้องดูว่าผู้เล่นที่ซื้อเข้ามาใหม่ชอบเล่นสไตล์ไหน ดูว่าสไตล์ไหนเหมาะกับนักเตะต่างชาติ

สไตล์ไหนเหมาะกับนักเตะไทย แล้วปรับเทคนิคและแท็กติกให้เข้ากับสไตล์ของนักเตะ ส่วนจุดแข็งและจุดอ่อนของทีมอินทรีทัพฟ้า โค้ชเตี้ยบอกว่า

“จุดแข็งคือเรามีแฟนบอลที่สร้างกำลังใจได้อย่างมาก เกมในบ้านสำคัญมากสำหรับการเก็บแต้ม ส่วนจุดอ่อนคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะปิดหมดแล้ว มีอยู่สิ่งที่เป็นข้อกังวลอย่างหนึ่งคือความสัมพันธ์ของนักเตะใหม่และนักเตะเก่าที่ยังไม่ดีมาก แต่น่าจะเป็นปัญหาที่ถูกละลายได้ ใช้เวลาสักพักหนึ่ง น่าจะผ่อนคลาย”

ผลงานในการเตะอุ่นเครื่องช่วงก่อนเปิดฤดูกาล โค้ชเตี้ยยอมรับว่าไม่ถึงกับดีมาก บางนัดที่ใช้นักเตะตัวหลักก็ผลงานดี แต่บางนัดใช้ตัวสำรอง ฟอร์มก็ห่างกัน

“เรื่องตัวนักเตะหลักคิดว่ามีเพียงพอ ส่วนนักเตะสำรองที่จะหมุนเวียนคิดว่านับจากวันนั้นมาถึงตอนนี้ เราน่าจะมีตัวหมุนเวียนได้แล้ว ช่วงแรก ๆ ฟอร์มมันห่าง แต่หลัง ๆ ก็ดีขึ้น”

ความคาดหวังในฤดูกาลนี้คือ “หนีตกชั้น มองแค่นัดต่อนัด คิดว่าโอกาส 50 : 50”

อาจจะดูคาดหวังน้อยกว่าทีมอื่น แต่โค้ชเตี้ยบอกว่ามองตามความเป็นจริง “ทุกทีมเขาเต็มหมด มันบอกไม่ได้ว่าเราจะหวังสูง ๆ ต้องตอบตามความเป็นจริง แต่เราสู้ขาดใจ จะพยายามเอาตัวรอดให้ได้”

พีที ประจวบ เอฟซี

พีที ประจวบ เอฟซี เสริมทัพนักเตะเข้ามา 17 คน ภายใต้การนำทัพของ โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล คนเดิม กับงบประมาณ 100 ล้านบาท

ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ ประธานสโมสรพีที ประจวบ เอฟซี กล่าวว่า ลีกสูงสุดในปีนี้จะตกชั้นถึง 5 ทีม ฉะนั้นพีที ประจวบ เอฟซี ต้องปรับตัวในการทำทีมมากขึ้น ปรับเทคนิค

ให้สมกับการเล่นในลีกสูงสุด ขุมกำลังปีนี้มีนักเตะเก่า 8 คน นอกจากนั้นเสริมเข้ามาใหม่ และใช้โควตานักเตะต่างชาติไปเต็มโควตา เพื่อให้พร้อมสู้ศึกกับทีมที่ใหญ่ขึ้น

“ความคาดหวังเราคิดว่าจะไม่ตกชั้น ในใจลึก ๆ เชื่อว่าน่าจะทำได้ในระดับท็อป 10 ซึ่งดูจากความตั้งใจซ้อมของทีมสตาฟโค้ช และนักกีฬาที่เรานำเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บ คิดว่าเราดีพอที่จะอยู่ในเลขตัวเดียวได้”

ด้าน โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หัวหน้าสตาฟโค้ช กล่าวว่า ปีนี้เสริมตัวค่อนข้างเยอะ คัดสรรผู้เล่นเพื่อเล่นในลีกที่สูงขึ้น และเปลี่ยนแท็กติกคือเน้นเกมรับมากกว่าเดิม ในเกมที่ต้องเจอบิ๊กทีมต้องเน้นความละเอียด

ส่วนจุดแข็งและจุดอ่อน โค้ชวังบอกว่าเป็นเรื่องเดียวกันคือเรื่องสปิริตของทีม ซึ่งต้องรีบสร้างสปิริตในทีมขึ้นมารีบสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะใหม่กับโค้ชและนักเตะเก่า เมื่อสร้างได้ก็จะเป็นจุดแข็งสำหรับเป้าหมายที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้คืออยู่ในอันดับเลขตัวเดียว โค้ชวังบอกว่า “ไหวไม่ไหวก็ต้องพยายามทำให้ได้ เพราะมันเป็นเป้าหมายของสโมสร”

ผลงานก่อนเปิดฤดูกาล พีที ประจวบ เอฟซี เตะอุ่นเครื่องไป 5 นัด ผลการแข่งขัน ชนะ 4 นัด เสมอ 1 นัด ถือว่าดุเอาเรื่อง สมฉายา “ต่อพิฆาต”

ทั้ง 3 ทีมประกาศสู้สุดใจ 2 ใน 3 ทีมประกาศความคาดหวังอยากจบฤดูกาลด้วยการติดท็อป 10 แต่ที่สุดแล้วจะอยู่รอดในอันดับไหน หรือจะร่วงกลับไปเล่นลีก 2 เหมือนเดิม ยังมีเวลาให้เชียร์ให้ลุ้นกันอีกหลายเดือน