แมนฯยู เปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 แม็คโทมิเนย์-มาร์ซียาล คนละลูก

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ภาพจาก AFP

ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ประตู แม็คโทมิเนย์-มาร์ซียาล ซัดคนละลูก ได้ เอริกเซ่น คืนสนาม แต่ต้องรอลุ้นอาการบาดเจ็บ แรชฟอร์ด

วันที่ 8 เมษายน 2566 ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษคู่แรกประจำวันเสาร์ ปีศาจแดง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เปิดรังโอลด์แทรฟฟอร์ดรับการมาเยือนของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน “เอฟเวอร์ตัน”

ผีแดงเจ้าบ้านที่เพิ่งเก็บชัยชนะจากเบรนท์ฟอร์ดมาได้ในเกมกลางสัปดาห์ นัดนี้ยังคงไม่มีคาเซมิโรที่ติดโทษแบน แต่ข่าวดีที่แฟนผีรอคอยคือ คริสเตียน เอริกเซ่น กลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรองแล้ว หลังเจ็บไปตั้งแต่เดือนมกราคม

เกมนี้ เอริก เทน ฮาก ส่งกัปตันทีม แฮร์รี แม็กไกวร์ ลงสนามเป็นตัวจริง และไทเรลล์ มาลาเซีย ที่ได้รับโอกาสจากอาการบาดเจ็บของ ลุค ชอว์ แนวรุกยังคงนำทัพมาโดย มาร์คัส แรชฟอร์ด

เอฟเวอร์ตันผู้มาเยือน เกมก่อนพึ่งเสมอกับสเปอร์สมา นัดนี้เปลี่ยนเพียงตำแหน่งเดียว เอลลิส ซิมส์ ลงแทน ดูกูเร่ ที่ติดโทษแบน นำทัพมาโดยกัปตันทีม เชมัส โคลแมน และตัวหลักยังอยู่กันครบ

รายชื่อ 11 ตัวจริง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดาบิด เด เกอา (GK), อารอน วาน บิสซาก้า, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไทเรลล์ มาลาเซีย, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, แอนโทนี่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่ และมาร์คัส แรชฟอร์ด

เอฟเวอร์ตัน จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), เชมัส โคลแมน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, ไมเคิล คีน, เบน ก็อดฟรีย์, อิดริสซา เกย์, อมาดู โอนาน่า, อเล็กซ์ อิโวบี้, ดไวท์ แม็คนีล, เดมาไร เกรย์ และเอลลิส ซิมส์

พิคฟอร์ด
ภาพจาก AFP

ครึ่งแรกเอฟเวอร์ตันตามประตูเดียว พิคฟอร์ด โชว์เซฟ

เริ่มเกมได้ไม่นาน เจ้าบ้านมีโอกาสได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 3 จากจังหวะบุกทางด้านซ้าย มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ได้ยิงแฉลบหลุดกรอบไปไม่ไกล

ยูไนเต็ดยังกดดันต่อเนื่อง เพียงนาทีที่ 8 มาร์คัส แรชฟอร์ด มีโอกาสได้ดวลเดี่ยว แต่เจ้าตัวยิงไม่หนีมุมนัก ยังเอาชนะ จอร์แดน พิคฟอร์ด ไม่ได้ เกมออกรสออกชาติทีเดียว

นาทีที่ 12 จังหวะต่อเนื่องจากเตะมุม เป็น แอนโทนี่ ได้บอลบริเวณนอกกรอบเขตโทษและบรรจงยิงด้วยซ้ายข้างถนัด บอลกระดอนพื้นผ่านมือ พิคฟอร์ด แต่ไปชนเสา ด้าน อารอน วาน บิสซาก้า ที่ปรี่เข้ามาซ้ำ บอลก็หลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย เป็น 15 นาทีแรกที่ยูไนเต็ดเดินเครื่องใส่ผู้มาเยือนอย่างดุดัน

แต่ก็เบาใจไม่ได้ ด้านเอฟเวอร์ตันของ ฌอน ไดซ์ ก็ใช้ทุกโอกาสที่มี ได้ลุ้นที่สุดเป็นนาทีที่ 19 จากการทำเกมและ เอลลิส ซิมส์ ได้หลุดเข้าไปยิงอย่างจะแจ้ง แต่เน้นมากไปหน่อย บอลไหลหลุดเสาไกลออกไปแบบน่าเสียดายสุด ๆ ชนิดที่ว่าบรรดาเรด เดวิลส์ เป่าปากโล่งอกไปตาม ๆ กัน

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ภาพจาก AFP

ยูไนเต็ดได้โอกาสทองอีกครั้งในนาทีที่ 22 จากการวางบอลอย่างแม่นยำของ บรูโน แฟร์นันเดส และเป็น แอนโทนี่ อีกครั้ง ที่ได้หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายข้างถนัด แต่ พิคฟอร์ด ยังคงโชว์ฟอร์มเยี่ยมปัดเอาไว้ได้อีกครั้ง

บอลยาวจากแดนตัวเองของยูไนเต็ดเล่นงานเอฟเวอร์ตันได้เกือบทุกครั้ง แรชฟอร์ด ได้มีโอกาสดวลเดี่ยวก่อนนาทีที่ 30 แต่พิคฟอร์ดคนเดิมก็ยังไม่ให้ผ่าน

แม้เกมรับของเอฟเวอร์ตันจะมีช่องโหว่ให้เจ้าบ้านเจาะได้อยู่หลายครั้ง แต่ในจังหวะสุดท้ายก็ยังช่วยกันได้ดี โดยคนที่โดดเด่นที่สุด คือ นายประตูอย่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ภาพจาก AFP

ในที่สุดเอฟเวอร์ตันก็ต้านทานไม่ไหว ยูไนเต็ดที่ทำเกมบุกอยู่นานก็มาได้ประตู โดย เจดอน ซานโช่ จ่ายบอลทะลุแนวรับสีน้ำเงินที่ยืนอยู่เต็มกรอบเขตโทษ และเป็น สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่สอดขึ้นมากดเต็มข้อทางเสาแรก เบิกประตูแรกของตัวเองในลีกฤดูกาลนี้ พาผีแดงขึ้นนำ 1-0 ประตู ในนาทีที่ 36

ก่อนหมดครึ่งแรก บอลยาวของยูไนเต็ดทำงานอีกครั้ง แอนโทนี่ ได้เล่นในจังหวะถนัด ล็อกเข้าซ้ายแล้วยิง แต่ พิคฟอร์ด ก็ยังทยานปัดไว้ได้

จบครึ่งเวลาแรกเป็นเกมของยูไนเต็ดอย่างชัดเจน แม้ พิคฟอร์ด จะโชว์ฟอร์มขั้นเทพเซฟไปหลายต่อหลายครั้ง แต่แผงกลางและหลังของเอฟเวอร์ตันที่สู้เจ้าบ้านไม่ได้เลยทำให้เสียประตูในที่สุด โดยปีศาจแดงมีโอกาสยิงไปทั้งหมดกว่า 21 ครั้ง

ครึ่งหลัง แมนฯยู บวกเพิ่ม

เริ่มครึ่งเวลาหลัง เกมของทั้งคู่ผ่อนลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะยูไนเต็ดที่ผ่านครึ่งหลังไปแล้ว 15 นาทียังไม่มีโอกาสยิงแม้เเต่ครั้งเดียว ต่างจากครึ่งแรกอย่างสิ้นเชิง

นำลูกเดียวยังวางใจไม่ได้ เอฟเวอร์ตันยังคงเน้นลูกตั้งเตะทุกครั้งที่มีโอกาส และเริ่มยกระดับเกมขึ้นมาได้หลังผ่าน 60 นาที โดยได้เดินเครื่องบุกเจ้าบ้านอยู่พักใหญ่ทีเดียว

แต่เกมสวนของยูไนเต็ดยังคงอันตราย โอกาสยิงครั้งแรกในครึ่งหลังเป็นของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่ได้โหม่งจ่อ ๆ แต่ พิคฟอร์ด ยังทยานปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิมในนาทีที่ 67

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ภาพจาก AFP

ยูไนเต็ดมาได้ประตูนำห่างจากความผิดพลาดของ เชมัส โคลแมน ที่จับบอลยาวไม่อยู่ โดน แรชฟอร์ด ฉกไปจ่ายถวายพานให้ อ็องตอนี มาร์ซียาล ได้ยิงจ่อ ๆ เข้าไปในนาทีที่ 71 พาเจ้าบ้านออกนำ 2-0 ประตู และบวกประตูที่ 4 ในลีกฤดูกาลนี้ให้ตัวเอง

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ภาพจาก AFP

สิ่งที่แฟนผีแดงรอคอยก็มาถึง ในนาที่ 76 เอริก เทน ฮาก ตัดสินใจส่ง คริสเตียน เอริกเซ่น ลงสนาม หลังเจ้าตัวบาดเจ็บหนักจากการเข้าสกัดของ แอนดี แคร์โรล ในเกมพบกับ เร้ดดิ้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม

อย่างไรก็ดี ยูไนเต็ด ต้องเสียกองหน้าตัวเก่งอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่มีอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ เดินกะเผลกถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามไปในนาทีที่ 81

ชัยชนะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดนี้ทำให้ผีแดงขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตารางคะแนน โดยมี 56 แต้ม และลูกได้เสีย +7 ขณะที่เอฟเวอร์ตันค่อนข้างน่าเป็นห่วง หล่นไปอยู่อันดับที่ 16 มี 27 คะแนนซึ่งไม่ห่างจากโซนตกชั้น