สิ่งที่ทำให้โลกกีฬาน่าสนใจไม่ใช่แค่เรื่องที่เกิดขึ้นแค่ระหว่างเกมแข่ง แต่เป็นเรื่องราวตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่ก่อนแข่งไปจนถึงหลังกระบวนการแข่งขันเพื่อหาผู้ชนะ วงจรเหล่านี้เชื่อมต่อกับบริบทอื่นที่มักทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายได้เสมอ แม้แต่การติด “ริบบิ้นสีเหลือง” บนปกเสื้อระหว่างแข่งก็ยังกลายเป็นประเด็นได้
แวดวงลูกหนังอังกฤษเห็นเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือชาวสเปนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ ตั้งข้อหาละเมิดระเบียบของเอฟเอ ว่าด้วยเครื่องแต่งกาย และการโฆษณาซึ่งมีกฎห้ามสวมใส่สัญลักษณ์สื่อถึงการแสดงออกทางการเมือง แต่เป๊ปดันจงใจติดริบบิ้นสีเหลืองบนปกเสื้อระหว่างคุมทีมข้างสนามตั้งแต่ปลายปี 2017 โดยริบบิ้นสีเหลืองนี้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการคุมขังนักการเมืองที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระของคาตาโลเนีย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
นอกเหนือจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของนักเตะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีกจะทำให้เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับมาได้รับเสียงสรรเสริญจากคอบอลอีกครั้ง การติดริบบิ้นสีเหลืองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญรณรงค์เรียกร้องให้ทางการสเปนปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังทางการเมือง ทำให้เป๊ปถูกพูดถึงในแง่ทัศนคติทางสังคมและมุมมองส่วนตัวพ่วงเข้าไปด้วย
เป๊ปเกิดในแคว้นคาตาโลเนียและยังเป็นนักเตะลูกหม้อของบาร์เซโลนา สโมสรใหญ่ในแคว้น ไม่น่าแปลกใจที่เขาออกตัวเป็นผู้สนับสนุนการแยกตัวออกเป็นอิสระอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับนักเตะบาร์เซโลนาหลายราย จนกระทั่งการทำประชามติโหวตแยกตัวจากสเปนเมื่อเดือนตุลาคมปี 2017 ผลโหวตออกมาชัดเจนว่าชาวคาตาลันต้องการแยกตัวออกเป็นอิสระ แต่ขณะเดียวกันศาลรัฐบาลกลางตัดสินให้การทำประชามตินี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แกนนำของกลุ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนการแยกตัวออกเป็นอิสระของแคว้นคาตาโลเนียถูกคุมขังโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ชาวคาตาลันที่สนับสนุนการแยกตัวแสดงออกด้วยการนำผ้าหรือวัสดุสีเหลืองมาใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงแนวคิดต่อต้านการจองจำนักการเมือง ซึ่งกลุ่มชาวคาตาลันที่มีแนวคิดแบบนี้ก็มีเป๊ปเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
เป๊ป ติดริบบิ้นเหลืองบนปกเสื้อทั้งในเกมแข่งศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และระหว่างเกมแข่งในอังกฤษ ซึ่งเอฟเอเคยหารือกับเป๊ปในเรื่องนี้มาก่อน และเคยส่งจดหมายเตือนอย่างเป็นทางการแล้ว 2 ครั้งเมื่อเดือนธันวาคม
สุดท้ายแล้ว เอฟเอต้องตั้งข้อหาละเมิดระเบียบหลังเกมเอฟเอ คัพ รอบ 5 ซึ่งแมนฯซิตี้แพ้วีแกน ตกรอบไปแบบหักปากกาเซียน หลังจากนั้น เป๊ปยังคงถูกจับภาพโดยมีริบบิ้นสีเหลืองอยู่บนเสื้อต่อเนื่องรวมถึงเกมชิงถ้วยคาราบาว คัพ กับอาร์เซนอล
เป๊ประบุว่า ถึงเขาจะถูกตั้งข้อหาจากเอฟเอ แต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษรู้ดีว่าเขาจะติดริบบิ้นนี้ไปตลอดจนกว่าผู้ที่ถูกกักขังจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว หากเอฟเอปรับเงิน เขายินดีรับบทลงโทษ ซึ่งเอฟเอจะประกาศวันสอบสวนในเร็ววัน
กุนซือสเปนยกตัวอย่างเปรียบเทียบมุมมองของเอฟเอกับการวินิจฉัยขององค์กรลูกหนังอีกแห่ง นั่นคือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งทวีปยุโรป หรือยูฟ่า ถึงยูฟ่ามีระเบียบกำกับเรื่องการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองระหว่างเกมเช่นกัน
แต่ระเบียบของยูฟ่าระบุว่า การลงโทษทางวินัยจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อการแสดงทางสัญลักษณ์นั้นถูกพิจารณาว่าเข้าข่ายโจมตีผู้อื่น ซึ่งระเบียบนี้มีทั้งข้อดีและเสีย
ด้านหนึ่งระเบียบลักษณะนี้สะท้อนเรื่องน้ำหนักที่โน้มไปเน้นการตีความตามอัตวิสัยมากกว่า ซึ่งกรณีของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดูเหมือนว่ายูฟ่าไม่มีทีท่าเข้ามาแทรกแซงหรือทักท้วงพฤติกรรมของเป๊ปสักเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาสโมสรบาร์เซโลนาสามารถติดธงสัญลักษณ์ที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระในสนามได้ อีกด้านก็ทำให้กรอบการแสดงออกสำหรับปุถุชนทั่วไปขยายออกอย่างเป็นอิสระมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เอฟเอระบุว่า ระเบียบนี้ครอบคลุมแค่บริบทการทำงาน 90 นาทีที่ข้างสนาม ถ้าเป๊ปจะติดริบบิ้นสีเหลืองในช่วงเวลาอื่นก็สามารถทำได้
การแสดงออกทางสัญลักษณ์ในกิจกรรมของบุคลากรในแวดวงกีฬาไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ที่ผ่านมามีนักกีฬาและบุคลากรมากมายใช้เวทีของกีฬาเป็นพื้นที่สื่อสารเจตนารมณ์ส่วนตัวทั้งเรื่องการเมืองและความเชื่อส่วนตัว มูฮัมหมัด อาลี เคยปฏิเสธเกณฑ์ทหารและยืนยันจุดยืนทางความคิดของตัวเองจนถูกลงโทษกระทบต่ออาชีพนักมวยเมื่อโดนยึดใบอนุญาตชกมวย นักชกคนดังไม่ได้ขึ้นสังเวียนนานเกือบ 4 ปี
สุดท้ายศาลยกเลิกคำตัดสิน นำมาสู่การคืนสังเวียน และเหตุการณ์นี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น
สถานการณ์เหล่านี้อาจเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะตัดสินด้วยกรอบระเบียบตายตัวที่ร่างออกมาให้สามารถตีความครอบคลุมสถานการณ์โดยรวม แต่บางครั้งการนำมาบังคับใช้อาจต้องพิจารณาหลายมิติประกอบกันไปด้วย สุดท้ายแล้วกาลเวลาจะเป็นสิ่งพิสูจน์การตัดสินใจของแต่ละฝ่าย ซึ่งนั่นจะกลายมาเป็นบทเรียนไปสู่การพัฒนายกระดับกีฬาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในโลกความเป็นจริงมากขึ้น