หรือ “ไทเกอร์ วูดส์” จะกลับมาปังในวัย 42?

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ – เรื่อง

ถ้าจะพูดถึงนักกีฬาที่มีกราฟชีวิตขึ้นสุดและลงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ ชื่อของไทเกอร์ วูดส์ น่าจะติดโผด้วย หลังจากที่พญาเสือกลับมาโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมเรียกเสียงฮือฮา สร้างความคึกคักให้กับวงการกอล์ฟอีกครั้ง และถือเป็นเวลาเหมาะเจาะอย่างยิ่งที่แฟนกอล์ฟจะได้ตามลุ้นกันไปจนถึงช่วงสัปดาห์ก่อนเข้าเมเจอร์แรกของปี

ผลงานในรายการวัลส์ปาร์ แชมเปี้ยนชิพ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทเกอร์ วูดส์ จบด้วยอันดับ 2 ตามหลังพอล เคซีย์ แค่สโตรกเดียว โดยไทเกอร์ ไม่สามารถเก็บเบอร์ดี้

ในหลุมสุดท้ายเพื่อทำสกอร์เท่ากับเคซีย์ และไปตัดสินต่อที่เพลย์ออฟ หลุมสุดท้าย ไทเกอร์ทำได้เพียงเซฟพาร์ จบรายการด้วยอันดับ 2

ถึงจะพลาดโอกาสคว้าแชมป์แรกในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่แชมป์รายการดับเบิลยูจีซี บริดจสโตน เมื่อปี 2013 แต่ผลงานจบ 5 อันดับแรกในรอบ 5 ปี พร้อมชอตพัตต์สุดสวยในหลุม 17 ที่กลายเป็นคลิปไวรัลในเวลาต่อมาเพียงพอต่อการสร้างกระแสให้วงการกอล์ฟทั่วโลกอีกครั้ง

ปีที่แล้วเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ไทเกอร์ หายไปจากหน้าสื่อเมื่อต้องพักฟื้นจากที่เข้าผ่าตัดหลังเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 4 ปี การพักฟื้นกินเวลามากกว่า 6 เดือน แทบไม่มีใครเชื่อว่าไทเกอร์ จะกลับมาทำผลงานยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง จนกระทั่งอดีตมือ 1 ของโลกกลับมาแข่งครั้งแรกในรอบเกือบ 10 เดือน ในรายการฮีโร่ เวิลด์ ชาเลนจ์ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2017 พญาเสือจบอันดับ 9 ร่วม ในวัย 42 ปี

หลังจากรายการฮีโร่ เวิลด์ ชาเลนจ์ ไทเกอร์ลงแข่งรายการอย่างเป็นทางการอีก 2 รายการ และจบใน 25 อันดับแรกทั้ง 2 รายการ เป็นกราฟที่น่าสนใจ จนกระทั่งมาในรายการวัลส์ปาร์ ซึ่งถือเป็นช่วงที่ไทเกอร์กลับมาได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา และนั่นหมายถึงการกลับมาของกระแสในวงการด้วยเช่นกัน

รอบ 4 ปีที่ไทเกอร์ ไต่กราฟขึ้นกลับมาสู่มือ 1 หลังผ่านช่วงตกต่ำจากปัญหาชีวิตคู่ แต่กลับมาไม่นานก็เริ่มมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนต่อเนื่องจนกราฟ

ผลงานในวงการกลับมาเป็นกราฟฟันปลาลักษณะขึ้นและลงอีกรอบ และทุกครั้งที่ไทเกอร์ไต่กราฟขึ้น นั่นคือช่วงเวลาที่คึกคักสำหรับวงการอย่างมาก

ปรากฏการณ์กราฟไต่ขึ้นกลับมาอีกรอบในช่วงสัปดาห์ที่ไทเกอร์ ลงโชว์ฟอร์มน่าลุ้นในรายการวัลส์ปาร์ ค่าเฉลี่ยการตีลูกของไทเกอร์ อยู่ที่ 122 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นสถิติอันดับ 2 ของพีจีเอ ความร้อนแรงของไทเกอร์ ดึงคนนับล้านให้กลับมาดูการแข่งขัน โดยเรตติ้งรายการนี้ซึ่งเป็น

กลุ่มรายการพีจีเอทัวร์ที่ไม่ใช่รายการระดับเมเจอร์ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้น 150 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรายการเดียวกันเมื่อปี 2017 รายงานข่าวยังเผยว่า รายการขายตั๋วเข้าชมรวมได้ 150,000 ใบ มากกว่าปีที่แล้ว 38,000 ใบ

ไม่บ่อยนักที่หลังจบรายการแล้ว สื่อต่างประเทศจะพาดหัวหลักด้วยชื่อของรองแชมป์รายการกอล์ฟพีจีเอทัวร์ แต่ในกรณีนี้เป็นไทเกอร์ วูดส์ ที่กลับมาเกือบคว้าแชมป์พีจีเอแรกในรอบเกือบ 5 ปี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีนี้นำมาสู่การจับตาผลงานในรายการเมเจอร์แรกของปีอย่างเดอะมาสเตอร์ส ที่จะเปิดฉากในเดือนเมษายนนี้

ไทเกอร์ไม่ได้ลงแข่งเดอะ มาสเตอร์ส 2 ปีติดต่อกันแล้ว การกลับมาครั้งนี้ถูกจับตามากเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นรายการเมเจอร์ที่ไทเกอร์ คว้าแชมป์ครั้งแรกเมื่อปี 1997 และเป็นรายการเมเจอร์ที่อดีตมือ 1 ของโลกได้แชมป์มา 4 สมัยเท่ากับพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ สนามออกัสต้าเป็นสนามที่มีความทรงจำดี ๆ ของไทเกอร์ จบ 10 อันดับแรกทั้งหมด 13 ครั้งจากการแข่ง 20 ครั้ง สนามนี้เหมาะกับสไตล์การเล่นของไทเกอร์ ทั้งระยะจากการทีออฟและการตีระยะสั้น แม้ไทเกอร์จะไม่เคยสัมผัสแชมป์เมเจอร์เลยตั้งแต่ปี 2008 แต่ถ้าดูจากฟอร์มการเล่นในรายการวัลส์ปาร์ ซึ่งไทเกอร์โชว์ฟอร์มได้เข้าใกล้การลุ้นแชมป์มากที่สุดอีกครั้ง

โอกาสที่ไทเกอร์ ในวัย 42 ปี จะคว้าแชมป์เมเจอร์ที่ 15 ของตัวเองเพื่อไล่ตามสถิติของแจ๊ก นิคลอส ที่ครองแชมป์รายการเมเจอร์ 18 รายการ ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว ทั้งที่ปีที่แล้ว ถ้ามีใครบอกว่าไทเกอร์จะกลับมาได้ คงโดนหัวเราะเยาะใส่คำโต แต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม บ่อนพนันแบบถูกกฎหมายในสหรัฐใส่ชื่อ

ไทเกอร์ วูดส์ เป็นหนึ่งในรายชื่ออันดับต้น ๆ ที่มีลุ้นคว้าแชมป์รองจากดัสติน จอห์นสัน

ไทเกอร์ยอมรับว่า ผลงานของเขาในวัลส์ปาร์ แสดงให้เห็นว่า เริ่มเรียกฟอร์มกลับมาได้ทีละน้อย แต่จุดที่ยังต้องปรับปรุงคือความแม่นยำในการพัตต์ ซึ่งข้อผิดพลาดเล็กน้อยในหลายจุด เมื่อรวมกันแล้วอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่พลิกเกมจากรองแชมป์กลายเป็นแชมป์ ถ้าไทเกอร์ สามารถปรับปรุงข้อผิดพลาดเล็กน้อยเหล่านี้ได้

ถ้าวันนี้ ไทเกอร์ วูดส์ ชุบชีวิตตัวเองกลับมาอีกรอบ วงการกอล์ฟก็เหมือนสะท้อนภาพนั้นกลับมาเช่นกัน กระแสนิยมในรายการที่ไทเกอร์ วูดส์ ร่วมด้วยร้อนแรง

ไม่แพ้กัน ตั๋วรายการเดอะมาสเตอร์ส ที่เฉลี่ยแล้วมีมูลค่าประมาณ 1 พันดอลลาร์สหรัฐต่อวัน แต่ว่ากันว่าหลังจากไทเกอร์กลับมาด้วยฟอร์มแบบนี้ ค่าเฉลี่ยของราคาตั๋วเดอะมาสเตอร์ส น่าจะพุ่งไปแตะ 2 พันดอลลาร์สหรัฐต่อวันแล้ว