ฟุตบอลยุโรปอยู่ในช่วงที่พูดถึงกุนซือหลายรายเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศส่วนใหญ่ถูกกลบด้วยประเด็นเกี่ยวกับอาร์แซน เวงเกอร์ กุนซือของอาร์เซนอลที่ประกาศอำลาถิ่นปืนใหญ่หลังจบฤดูกาลนี้ แต่ระหว่างนั้นรายงานข่าวที่ทำให้เดอะค็อปทั่วโลก รวมถึงแฟนบอลจำนวนมากสนใจ คือ สตีเวน เจอร์ราร์ด ตกลงคุมทีมกลาสโกว์ เรนเจอร์ส ในสกอตติช พรีเมียร์ชิพ
สตีเวน เจอร์ราร์ด ถูกจับตามองเสมอในฐานะตำนานนักเตะของสโมสรลิเวอร์พูล แห่งเมอร์ซีย์ไซด์ อังกฤษ หลังจากยุติอาชีพค้าแข้งกับทีมแอลเอ กาแล็กซี่ ในเมเจอร์ลีกสหรัฐ เป็นทีมสุดท้าย แฟนลิเวอร์พูลมีโอกาสต้อนรับกัปตันเทอร์โบกลับแอนฟิลด์ในฐานะโค้ชทีมเยาวชนก่อนที่จะรับหน้าที่ฐานะกุนซือทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี เมื่อต้นปี 2017
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
สำหรับแฟนบอลทั่วโลกไม่มีใครกังขากับฝีเท้าและความมุ่งมั่นในการทำงานของสตีวี่จี นับตั้งแต่เริ่มต้นค้าแข้งกับทีมในบ้านเกิด เช่นเดียวกับช่วงที่ทำงานเป็นโค้ชเยาวชนซึ่งบุคลากรด้านกีฬาระดับสูงในองค์กรก็พอใจกับการทำงาน จนมอบหน้าที่คุมทีมชุด U-18 ให้หลังได้เห็นความสามารถ และทิศทางการทำงานที่น่าสนใจของอดีตกัปตันผู้นี้
แต่ในวงการฟุตบอลแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่า ผลงานในสนามในฐานะนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ไม่อาจชี้วัดความสำเร็จสำหรับกรณีที่ยอดนักเตะพลิกบทบาทมารับงานเป็นกุนซือคุมทีม
ไม่ว่าจะระดับใดก็ตาม โดยเฉพาะสำหรับกรณีของเจอร์ราร์ด ซึ่งเคยตกเป็นข่าวถูกวิจารณ์ผลงานคุมทีมหลังผ่านช่วงฮันนีมูนไปแล้วก็น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง
ผลงานลิเวอร์พูลชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเริ่มน่าเป็นห่วง เมื่อเจอร์ราร์ดพาทีมแพ้ 3 นัดติดจนถูกสื่อท้องถิ่นและสื่อกระแสหลักในอังกฤษหยิบเอามาเป็นประเด็นวิจารณ์การทำงานแบบไม่ไว้หน้ากุนซือมือใหม่ที่เพิ่งคุมทีมครั้งแรกเลยก็ว่าได้
แต่อย่างน้อยแคแร็กเตอร์ของเจอร์ราร์ดยังคงเด่นชัดไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเขาให้สัมภาษณ์ตอบคำถามเรื่องผลงานที่ไม่สวยนัก ด้วยการยืดอกรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่แฟนบอลยังมองเห็นมุมบวกจากองค์ความรู้ด้านฟุตบอลซึ่งแฟนบอลคงพอคุ้นเคยจากบทบาทนักวิเคราะห์เกมทางทีวีร่วมกับนักเตะในอังกฤษหลายราย อาทิ แฟรงค์ แลมพาร์ด, แกรี่ เนวิลล์ ที่พอจะเชื่อมโยงไปสู่การพิสูจน์ขีดความสามารถในการเลือกใช้งานทรัพยากรในทีมของเจอร์ราร์ด
ส่วนการคุมทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของหงส์แดง เจอร์ราร์ดเลือกใช้ผู้เล่นชุดอายุต่ำกว่า 16 ปี
มาผสมด้วย บางรายอาจไม่ได้ทำผลงานระดับสอบผ่านฉลุย แต่โดยรวมเด็กจากชุดเล็กแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ จุดนี้ถูกสื่อพูดถึงว่าถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ผู้บริหารด้านกีฬาในองค์กรขีดเส้นใต้เอาไว้เมื่อเลือกให้โอกาสเจอร์ราร์ดทำงานในทีมฐานะโค้ชทีมเยาวชน
จากผลงานที่กลายเป็นประเด็น หลายเดือนต่อมากลับมีข่าวเจอร์ราร์ดก้าวไปนั่งเก้าอี้กุนซือทีมชุดใหญ่ในลีกแดนวิสกี้กับอีกหนึ่งทีมใหญ่ในกลาสโกว์ และบรรยากาศของ “โอลด์ เฟิร์ม” การแข่งขันระหว่างคู่ปรับร่วมมืองอย่างเซลติก (ซึ่งมีเบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายเก่าสมัยร่วมงานกับลิเวอร์พูลเป็นกุนซือ) และเรนเจอร์ส คุณภาพของเกมอาจไม่ถึงระดับเอลกลาซิโก้ หรือเกมแดงเดือด
ในลีกท็อปของยุโรป แต่การันตีความเดือดตามสไตล์สกอตได้เสมอ
แน่นอนว่า กุนซือมือใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมชุดใหญ่รับความกดดันจากข้างสนามเลยอย่างเจอร์ราร์ด จะโดนตั้งคำถาม แต่เจ้าตัวแสดงความมั่นใจว่าข้อสงสัยนี้อาจเป็นปัญหาสำหรับคนอื่นแต่ไม่ใช่สำหรับคนอย่างเขา โดยเจอร์ราร์ดเชื่อในประสบการณ์ที่ผ่านมาซึ่งเคยร่วมงานกับกุนซือลือชื่อมากมาย และเล่นในเกมใหญ่นับไม่ถ้วน
ย้อนกลับไปข้างต้น ที่ว่าผลงานในสนามไม่อาจใช้ชี้วัดโอกาสประสบความสำเร็จสำหรับกุนซือที่เป็นอดีตนักเตะเลื่องชื่อ นักเตะฝีเท้าเยี่ยมหลายรายอาจเป็นตัวอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นซีเนอดีน
ซีดาน กับเรอัล มาดริด ซึ่งมีเส้นทางคล้ายเจอร์ราร์ดอยู่บ้าง หรือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับบาร์เซโลน่า
ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กับแอตเลติโก มาดริด หรืออันโตนิโอ คอนเต้ กับยูเวนตุส และอีกหลายราย
แต่ในอีกด้าน นักเตะที่ประสบความสำเร็จในสนามอย่างจานฟรังโก้ โซล่า, ไบรอัน ร็อบสัน และแกรี่ เนวิลล์ ซึ่งล้วนเป็นนักเตะชั้นยอด แต่เมื่อมาทำงานเป็นกุนซือก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถขึ้นสู่ขีดสูงสุด หรือเจนนาโร่ กัตตุสโซ่ ที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่พักใหญ่ก่อนเร่งเครื่องพาเอซี มิลาน กลับมาเป็นทีมน่าเกรงขามอีกครั้ง
กีฬาฟุตบอลเหมือนกับอีกหลายธุรกิจที่กำลังดิ้นรนปรับตัวในทุกวันนี้ มันไม่มีสูตรสำเร็จ เจอร์ราร์ดอาจยังไม่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับฟุตบอลสกอตในเวลานี้ ขณะที่เซลติกครองเมืองมาหลายทศวรรษ ความคาดหวังจากสโมสรที่อยากได้กุนซือมาสร้างทีมกลับมาล้มบัลลังก์เซลติกยิ่งมีมาก
ถ้าทำสำเร็จ คือการพิสูจน์ตัวเองต่อเสียงดูแคลน แต่ถ้าล้มเหลว จะเป็นการตกหอคอยที่จะทำให้บาดเจ็บหนักทีเดียว แกรี่ เนวิลล์ ก็เคยเจอมาแล้วเช่นเดียวกับนักเตะอังกฤษอีกหลายราย ซึ่งไม่มีใครการันตีได้เลยว่าความสำเร็จสำหรับกุนซือเหล่านี้จะได้มาเป็นสูตรสำเร็จ อันที่จริงแล้วจะบอกได้ว่าเป็นการตลาด เป็นความเชื่อใจ เป็นสัญชาตญาณ หรือเป็นการวัดดวงก็อาจพออธิบายการตัดสินใจของเรนเจอร์สได้บ้าง
