“อนาคตของเราอยู่ในมือคนหนุ่ม” คำพูดนี้คนกีฬาน่าจะเข้าใจและเห็นภาพแจ่มแจ้งไม่แพ้สายอื่น ๆ สภาพร่างกายและจิตใจคนเราอยู่ในจุดสูงสุดได้ในเวลาจำกัด กีฬากระแสหลักไม่กี่ชนิดที่สามารถเล่นได้จนแก่ ใครก็คาดหวังจะเห็นคนรุ่นหนุ่มขึ้นมาสานต่อ หรือแม้แต่เข้ามาแย่งพื้นที่ชิงดีชิงเด่นกับรุ่นพี่เสมอ ซึ่งวงการรถแข่งแดนผู้ดีก็กำลังมีดาวรุ่งที่เป็นผู้นำความคึกคักกลับมาในโลกความเร็ว
หลายปีที่ผ่านมายังพอมีนักขับอังกฤษวนเวียนไปมาอยู่บ้าง แต่ปี 2018 ลูอิส แฮมิลตัน เป็นนักขับเอฟวันชาวอังกฤษเพียงรายเดียวที่โลดแล่นในศึกรถสูตรหนึ่ง ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของสื่อและแฟนกีฬาจากแดนผู้ดี พวกเขาต้องอยากเห็นนักขับรายอื่นขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าแฮมิลตันก็ไม่มีทางยืนหยัดไปตลอด และปี 2019 คอความเร็วจะได้เห็นความหวังของพวกเขาเป็นจริง
แลนโด นอร์ริส นักขับจากบริสตอลแห่งสหราชอาณาจักร ได้รับโอกาสจากแม็คลาเรนให้ขึ้นมาแข่งเอฟวันในปี 2019 ซึ่งปีหน้านอร์ริส จะได้เหยียบคันเร่งในรายการแข่งรถแถวหน้าของโลกในวัยแค่ 19 ปีเท่านั้น หลังจากที่ทีมรถแข่งชื่อดังจากอังกฤษเสีย เฟร์นันโด อลอนโซ ซึ่งประกาศอำลาสนามไป โดยนอร์ริสจะมาแทน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
สตอฟเฟล แวนดูร์น นักซิ่งจากเบลเยียมวัย 26 ปีซึ่งถูกทีมตัดออกในฤดูกาล 2019 ขณะที่นอร์ริสจะมาจับคู่กับ คาร์ลอส เซนซ์ จูเนียร์
แม็คลาเรนจำเป็นต้องเร่งตัดสินใจหลังจากที่อลอนโซโบกมือลา และโอกาสตกเป็นของนอร์ริส จากที่ทีมวางแผนจะให้ขับเอฟทูเป็นปีที่ 2 ก่อนจะหาลู่ทางขยับนอร์ริสไปสู่อีเวนต์ใหญ่ แต่ทีมให้เหตุผลว่าเมื่อดูจากผลงานช่วงที่นอร์ริสทำผลงานน่าประทับใจในรอบซ้อมเอฟวัน ก็น่าจะถึงเวลาที่ดันให้ไปแข่งเอฟวันเต็มตัว
เจ้าหนูวัย 18 ปีรายนี้ได้รับฉายาจากสื่อว่าเป็น “นิว แฮมิลตัน” (ตามสไตล์สื่อกีฬาตะวันตก) เลยทีเดียว ที่มาของฉายานี้คงเดาไม่ยากว่า มาจากเส้นทางอาชีพที่คล้ายคลึงกันจากที่ทั้งคู่มีรากฐานเติบโตมาในฐานะเยาวชนผลผลิตของทีมแม็คลาเรน ก่อนถูกดันให้ขึ้นมาแข่งในเอฟวัน
ซึ่งกรณีของลูอิส แฮมิลตัน ก็ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา โกยแชมป์โลกไป 4 สมัย ขณะที่จุดแตกต่างที่น่าสนใจคือ แฮมิลตันเติบโตมาในบรรยากาศที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต แต่ของนอร์ริสไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาการเงิน เนื่องจากคุณพ่อของเขาเป็นนักลงทุนและอดีตนักกีฬาซึ่งมีทุนทรัพย์หลักร้อยล้านปอนด์
ที่ผ่านมามีนักขับหนุ่มขึ้นมาสร้างปรากฏการณ์ในเอฟวันหลายครั้ง แต่สำหรับโอกาสครั้งนี้ทำให้แลนโดกลายเป็นว่าที่นักขับชาวอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดซึ่งได้ลงแข่งเอฟวันด้วยวัย 19 ปี 124 วัน หากได้ลงแข่งในสนามที่ออสเตรเลียปี 2019
สิ่งที่ทำให้แม็คลาเรนมั่นใจในตัวเจ้าหนูวัย 18 ปีให้ขึ้นมาแข่งในทีมได้คือดีกรีที่นอร์ริสสั่งสมมาตั้งแต่แขนเขายาวพอจะจับพวงมาลัย (มีตำแหน่งหัวตารางติดตัวในรายการที่แข่งเสมอ) ตั้งแต่ปี 2014 จนมาปี 2018 ซึ่งจบอันดับ 2 ในตารางเอฟทู แต้มสะสมห่างจากเพื่อนร่วมชาติ 18 แต้มเท่านั้น ผลงานแบบนี้ทำให้ทีมคู่แข่งในวงการจ้องกันแทบตาถลน
ผลงานที่แฟนกีฬาความเร็วผ่านตามาบ้างแล้วน่าจะเป็นเอฟทรี ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเขาคว้าแชมป์เมื่อปี 2017 และภาพของเขาในช่วงอุบัติเหตุก็กลายเป็นมีมแพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์ ผลงานของนอร์ริสเมื่อเทียบกับผลงานของแมกซ์ เวอร์สแตบเพน นักขับดาวรุ่งที่มาแรง
ก่อนหน้านี้ ผลงานในรายการเอฟทรีของทั้งคู่ใกล้เคียงกันทีเดียว แลนโดชนะ 9 ขณะที่แมกซ์ชนะ10 จากการแข่งทั้งหมด 32 ครั้ง นอร์ริสจบทัวร์นาเมนต์ด้วยตำแหน่งแชมป์ ส่วนแมกซ์ได้อันดับ 3
กูรูด้านกีฬาความเร็วมองว่า ที่แม็คลาเรนเลือกแลนโด นอร์ริส คงไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่แม็คลาเรนมองเรื่องการตลาดควบคู่ไปด้วย (เช่นเดียวกับทีมกีฬาชนิดอื่น ๆ ในยุคนี้) แบรนด์นักขับอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด และลงแข่งพร้อมเพื่อนร่วมชาติอย่างแฮมิลตัน เรียกกระแสฮือฮา แถมมีแนวโน้มดึงดูดแฟน ๆ ให้สนใจผลแข่งได้ไม่น้อยทีเดียว
โอกาสของนอร์ริสในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ไม่ถึงกับเซอร์ไพรส์นัก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ผลงานของนอร์ริส ซึ่งอายุแค่ 19 ปีในการแข่งเอฟวัน ขณะที่แฮมิลตันจะลงแข่งเอฟวันได้ก็ต้องอายุ 22 ซึ่งกูรูมองว่า บริบทการแข่งของแฮมิลตัน มาแบบถูกจับตามองว่ามีแนวโน้มได้แชมป์ เรียกได้ว่ามีแวว
สำหรับนอร์ริสอาจยังห่างจากโอกาสสำเร็จในทันทีอยู่ ซึ่งถึงจุดนี้แล้วก็คงต้องให้นอร์ริสพิสูจน์ตัวเองว่าจะรับมือกับความคาดหวังและสปอตไลต์ที่ส่องมาได้มากน้อยแค่ไหนในฐานะอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทั่วโลกจับตาในศึกเอฟวัน