ถ้าจะบอกว่าตัวละครในหนังฮีโร่ไม่เคยตายจริง เมื่อลมหายใจของตัวละครเหล่านี้อยู่ในกำมือของผู้เขียนที่จะหาเหตุผลชุบชีวิตตัวละครที่เคยเขียนให้ “ตาย” ไปหลายครั้ง คำว่า “แขวนนวม”
สำหรับนักมวยหลายรายก็อาจไม่ต่างจากที่ว่าตัวละครเหล่านี้ไม่เคยตายจริงเลย เมื่อกีฬามือเติบในสายสังเวียนผ้าใบมักกลับมาเสมอ และคราวนี้ ฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ ที่ “อำลา” สังเวียนไปหลายรอบ ก็มีแนวโน้มกลับมาชกอีกครั้ง
ฟลอยด์ เมย์เวเธอร์ จูเนียร์ โพสต์คลิปในอินสตาแกรมส่วนตัวช่วงกลางเดือนกันยายน ระหว่างอยู่ในช่วงทริปที่โตเกียว ซึ่งนักชกไร้พ่ายชาวอเมริกันพบกับ แมนนี่ ปาเกียว กำปั้นฟิลิปปินส์ โดยไม่มีใครรู้ว่าที่มาของการพบกันครั้งนี้คืออะไร แต่ที่ฟลอยด์ประกาศเป็นประเด็นที่ทำให้แฟนมวยหูผึ่งมากกว่า จากที่ฟลอยด์ถึงกับบอกว่า เขาจะกลับมาขึ้นชก (อีกแล้ว) รีแมตช์กับแมนนี่ ปาเกียว ภายในปีนี้ ก่อนจะเปลี่ยนแผนโดยประกาศจะชกเคาะสนิมไฟต์ใหญ่คั่นกลางก่อนจะดวลรีแมตช์กับปาเกียว
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ฟลอยด์เคยประกาศ “ไฟต์สุดท้าย” ในอาชีพมาหลายครั้ง ไฟต์ล่าสุดที่เขาหวนคืนสังเวียนคือ ไฟต์ที่ดีลกับคอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ นักชกศิลปะการต่อสู้แบบผสมจากศึกยูเอฟซี ที่ผันตัวมาชกมวยสากลอาชีพเพื่อดวลกับฟลอยด์โดยเฉพาะ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยถกกันไปแล้วว่า เป็นไฟต์ที่สร้างสีสันและสร้างเม็ดเงิน มากกว่าไฟต์ที่เน้นผลทางกีฬา แม้ว่าผลการชกก็เป็นองค์ประกอบที่ดึงดูดแฟนให้มาสนใจ และนั่นหมายถึงเม็ดเงินด้วย
ก็ตาม
เป็นที่รู้กันว่า ฟลอยด์ คือ นักกีฬาสายมือเติบฉายา “มันนี่” และพฤติกรรมโชว์สถานะทางการเงินของตัวเองในสื่อสังคมออนไลน์ บ่งบอกความต้องการของกำปั้นไร้พ่ายที่อาจไม่น่าจะกระหายความสำเร็จทางการกีฬา เมื่อเขาครองสถิติชกมวยสากลอาชีพ 50 ไฟต์ ก็ชนะรวดทั้งหมดไปแล้ว
ไฟต์หยุดโลกระหว่างฟลอยด์ และปาเกียว ทำเงินเข้ากระเป๋าฟลอยด์ รวมแล้วมีแววแตะตัวเลขมากถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปาเกียวได้ส่วนแบ่งประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไฟต์กับแม็กเกรเกอร์ ว่ากันว่า เป็นไฟต์ที่ทำเงินให้นักกีฬารายเดียวมากที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาโลก คาดกันว่าตัวเลขรายได้จากคืนที่ฟลอยด์ขึ้นชกไฟต์ “สุดท้าย” คือ 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนนักชกไอริชได้รายได้น้อยกว่า 3 เท่า จากตัวเลขที่ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้ไฟต์หลังสุดหนุนให้ฟลอยด์กลายเป็นนักกีฬา อีกรายที่ทำรายได้รวมตลอดอาชีพ แตะ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดทำเนียบนักกีฬาที่ทำรายได้แตะเลข 10 หลัก จากการรวบรวมข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส แต่มีกระแสซุบซิบว่า ช่วงหลังฟลอยด์กระเป๋าซูบลง จากที่เสียเงินจากเล่นพนันไป “ก้อน” หนึ่งเลยทีเดียว ถึงจะยังไม่มีการยืนยันข้อมูลนี้อย่างชัดเจน แต่หนุ่มวัย 40 ที่มือเติบขนาดนี้ รายได้ก้อนโตก็อาจเป็นเรื่องจำเป็นอยู่บ้าง สำหรับช่วงหันหลังให้อาชีพนักกีฬาไปดูแลธุรกิจย่อยอื่น ๆ
แคปชั่นอธิบายในวิดีโอล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ฟลอยด์พบปะกับแมนนี่ ปาเกียว ระบุถึงไฟต์รีแมตช์ที่จะสร้างตัวเลขรายได้ 9 หลักอีกครั้ง เมื่อทอดตาดูวงการหมัดมวยวันนี้ ฟลอยด์แทบชกกับกำปั้นอาชีพแถวหน้าที่พอมีดีกรีน่าสนใจในพิกัดน้ำหนักที่ไปถึงได้มาครบถ้วน คงไม่น่าแปลกใจที่แม้ว่าฟลอยด์เคยเอ่ยปากหลังไฟต์กับแม็กเกรเกอร์ว่า ไฟต์นั้นคือไฟต์สุดท้ายของเขา (อีกแล้ว) แต่ถ้าจะพูดถึงเป้าหมายโกยรายได้เข้ากระเป๋าจากการแข่งในวันเดียว ชื่อของแมนนี่ ปาเกียว ยังคงมาเป็นอันดับต้น ๆ
ฝั่งปาเกียวก็ไม่ได้อยู่ในยุครุ่งเรือง หลังผลงานช่วงที่ผ่านมาฟอร์มตกไปบ้าง เมื่อเคยแพ้เจฟฟ์ ฮอร์น แบบหักปากกาเซียน เมื่อปี 2017 ก่อนกลับมากู้หน้าชนะลูคัส มาธิสเซ่ เมื่อเดือนสิงหาคม หลังเรียกความมั่นใจกลับมา ปาเกียว ก็ทวงถามหารีแมตช์กับฟลอยด์ทันที
ไม่เพียงแค่อาชีพในสังเวียนที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง และต้องหาความท้าทายอื่น เส้นทางการเงินของปาเกียวก็ยังมีปัญหา เมื่อนักการเมืองคนดังของฟิลิปปินส์ต้องชำระภาษีให้สรรพากรสหรัฐในหลักร้อยล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ถึงจะกวาดรายได้มหาศาลตลอดอาชีพบนผืนผ้าใบ แต่ภาษีที่หนักหน่วงในสหรัฐก็แทบทำเอานักชกกระอักได้เหมือนกัน
เวลานี้อาจเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้งคู่ที่จะกลับมารีแมตช์อีกครั้ง และน่าจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แต่สำหรับผู้ชมแล้ว อาจไม่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่นัก ฟอร์มของปาเกียวในไฟต์หยุดโลกเมื่อปี 2015 ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของนักชกตากาล็อกแล้ว สิ่งที่คาใจ อาจมีแค่เรื่องที่ทีมฝั่งปาเกียวมาเอ่ยหลังจบไฟต์ว่า นักมวยเอเชียขึ้นชกโดยที่มีอาการเจ็บไหล่ด้วยเท่านั้น
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ไฟต์รีแมตช์น่าจะผุดมาให้แฟนได้ชมกันอีกครั้ง เรื่องผลการแข่งขันก็คงไม่ยากเกินคาดเดา เมื่อดูจากฟอร์มยุคหลัง และถ้าฟลอยด์ชกอุ่นเครื่องคั่นกลางก่อนในช่วงปลายปีนี้ โดยที่ลีลาการชกสไตล์ตั้งรับแบบเดิมยังคงอยู่ ทรงหรือแม้แต่ผลการชกไฟต์รีแมตช์คงไม่หนีไปจาก (อดีต) ไฟต์หยุดโลกเดิมมากนัก
ท้ายที่สุดคนที่ชนะก็คือนักมวยทั้งสองรายที่เล่นเกมได้ถูกเวลา ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะ คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด (โดยเฉพาะประโยชน์ทางการเงิน) ก็คือนักมวยทั้งสองฝ่าย