คอร์รัปชั่นฉาว ตัวแทนบริษัทดัง จ่ายใต้โต๊ะให้นักบาสเลือกทีม

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

ไม่บ่อยนักที่อเมริกันเกมส์ระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย (ฐานสำคัญสำหรับกีฬาอาชีพ) จะเจอคดีสะเทือนวงการอย่างการตัดสินของศาลรัฐบาลกลางในแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก ซึ่งเพิ่งลงดาบให้อดีตลูกจ้างของอาดิดาส บริษัทผู้ผลิตสินค้ากีฬาชื่อก้องโลก 2 ราย และเอเย่นต์ในอเมริกันเกมส์อีกรายหนึ่งมีความผิดฐานฉ้อโกงรวม 3 ข้อหา หนึ่งในนั้นติดสินบนผู้เล่น (และบางกรณีหมายรวมถึงครอบครัวผู้เล่น) บาสเกตบอลหน้าใหม่ที่จะเข้าเล่นระดับมหาวิทยาลัยเพื่อให้เลือกต้นสังกัดที่มีสปอนเซอร์เป็นแบรนด์อาดิดาส

กระบวนการพิจารณาคดีเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม จำเลยในคดีนี้คือ เจมส์ แกตโต อดีตผู้บริหารการตลาดสายบาสเกตบอลของอาดิดาส, เมิร์ล โค้ด จูเนียร์ อดีตลูกจ้างของบริษัทเดียวกัน และ คริสเตียน ดอว์กินส์ เอเย่นต์และอดีตที่ปรึกษาการเงิน ทนายของจำเลยยอมรับในชั้นศาลว่าลูกความจ่ายเงินให้กับผู้เล่นกลุ่มหนึ่งเพื่อโน้มน้าวให้มาเล่นให้มหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์และแคนซัส อย่างไรก็ตาม ทนายอ้างว่าแม้สิ่งที่ทำนี้ละเมิดระเบียบของสมาคมกีฬาระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยแห่งชาติ หรือเอ็นซีเอเอ แต่พฤติกรรมนี้ไม่ได้ละเมิดกฎหมายรัฐ

ศาลนัดฟังคำพิพากษาในเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งจำเลยทั้ง 3 ราย มีโอกาสรับโทษจำคุกหลายปี (บางรายเผยว่าอาจใช้สิทธิอุทธรณ์)

แต่ก่อนจะไปถึงบทสรุปของคดี ระบบกีฬาระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่ถือเป็นรากฐานของอเมริกันเกมส์ กีฬาอาชีพที่มีมูลค่ามหาศาลก็สั่นคลอนและสูญเสียความน่าเชื่อถือจากกรณีนี้ไปแล้ว ถึงจะมองในแง่ดีว่ากรณีนี้เป็นการล้างบางสายมืดในระบบไปเสียทีเดียว

แต่ดูเหมือนว่า คดีในปีนี้ยังไม่ปิดฉากง่ายแบบที่คิด กระบวนการยังลากไปถึงต้นปี 2019 ที่ยังมีกำหนดพิจารณาคดีผู้ช่วยโค้ช 4 ราย เรียกรับสินบนเพื่อล็อบบี้ผู้เล่นให้เลือกที่ปรึกษาและเอเย่นต์ตามใบสั่ง และคดีหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับโค้ชและดอว์กินส์ จำเลยรายเดิมจากคดีที่เพิ่งตัดสินล่าสุด

สำหรับคดีที่เพิ่งตัดสินกัน ชื่อผู้เล่นรายหนึ่งที่ตกเป็นข่าวเกี่ยวข้องในกระบวนการคือ ไบรอัน โบเว่น จูเนียร์ ดาวรุ่งนักยัดห่วงแถวหน้าสุดของวงการที่ประกาศเลือกเล่นให้มหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ ช่วงกลางปี 2017 เป็นข่าวที่หักปากกาเซียนทั้งยวงจากที่สังกัดนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่ทำนายกันมา

เล่าลือกันว่าเงินที่เสนอจ่ายให้กับผู้เล่น (นับรวมครอบครัวผู้เล่นด้วย) เป็นตัวเลขรวมถึง 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.2 ล้านบาท) กันเลยทีเดียว และอย่างที่ระบุไปข้างต้นว่า เอ็นซีเอเอมีระเบียบห้ามผู้เล่นรับเงินอื่นนอกเหนือจากทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา แต่สถาบันที่รับผู้เล่นถูกมองว่ากลายเป็นเหยื่อ เนื่องจากเสี่ยงส่งผู้เล่นที่ผิดระเบียบลงเล่นโดยไม่เจตนา

และเหมือนถูกหลอกลวงให้ออกทุนให้ผู้เล่นแบบไม่โปร่งใส คดีนี้ไม่เพียงทำให้ทั่วโลกเห็นถึงวงจรใต้โต๊ะของระบบนายหน้าและนักกีฬาแล้ว ยังทำให้เห็นอิทธิพลนอกระบบที่มาจากบริษัทเชิงพาณิชย์ซึ่งเข้ามาชักใยเบื้องหลังวงการบาสเกตบอล หนึ่งในอเมริกันเกมส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด บริษัทดังที่มีชื่ออยู่ในการพิจารณาคดีต้องรีบออกมาแถลงว่า เพิ่มมาตรการตรวจสอบภายในให้เข้มงวดขึ้น พร้อมยืนยันจุดยืนเรื่องจรรยาบรรณและการทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรม พวกเขาร่วมมือกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่คงไม่สามารถลบเครื่องหมายคำถามในใจผู้ติดตามข่าวคราวในโลกกีฬาได้มากนัก

ยิ่งไปกว่าผลกระทบต่อแบรนด์ที่ผู้ต้องหาเกี่ยวข้อง รายละเอียดในการพิจารณาคดีที่สื่อเผยแพร่ออกไปไม่มีคำให้การของผู้ร้องเรียนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างดอว์กินส์กับทีมงานของ ม.หลุยส์วิลล์ ที่นัดพบกันคุยเรื่องวิธีหลบเลี่ยงระเบียบเพื่อผลทางธุรกิจในระยะยาว โดยที่ทีมโค้ชเอ่ยเตือนดอว์กินส์ ถึงตัวเลขเม็ดเงินข้อเสนอจากคู่แข่งของแบรนด์ผู้ผลิตสินค้ากีฬาที่ยั่วใจครอบครัวผู้เล่น

แม้รายละเอียดคดีไม่ได้ระบุถึงการขยายผลไปถึงแบรนด์อื่น แต่ข้อกล่าวหาและผลการตัดสินก็อาจพอทำให้คนมองอิทธิพลจากแบรนด์สปอนเซอร์ต่อการตัดสินใจเลือกต้นสังกัดอย่างเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่การกล่าวอ้างหรือเสียงซุบซิบที่มาจากคนในวงการแล้วทิ้งให้ผู้รับสารใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองอีกต่อไป แบรนด์ดังเหล่านี้ลงทุนหลักล้านพยายามดึงดาวเด่นมาร่วมในอาณาจักรของตัวเองตั้งแต่ก่อนถึงระดับมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แล้วไล่เรียงไปจนถึงทีมมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนหรือไปจนถึงโอกาสชักจูงโน้มน้าวในระดับสโมสรอาชีพในอนาคต

อีก 1 หัวข้อที่สื่ออเมริกันตั้งข้อสังเกตคือการพิจารณาของศาลไม่สามารถหยิบยกเรื่องกฎของเอ็นซีเอเอมาโต้แย้งได้ เนื่องจากผู้พิพากษาศาลมองว่าเป็นคนละประเด็นกับการหลอกลวงให้สถาบันการศึกษาออกทุนให้ แต่หากมองในแง่หนึ่งแล้วต้นตอส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องมีจ่ายเงินนอกเหนือจากทุนก็เพราะระเบียบที่ห้ามทำ “สัญญา” ระหว่างผู้เล่นกับสปอนเซอร์เพื่อรับรายได้อื่นที่สมน้ำสมเนื้อ ขณะที่โค้ชหรือทีมได้รายได้มหาศาลจากสัญญาถ่ายทอดสดไป


ส่วนผู้เล่นที่มีพรสวรรค์อาจถูกมองเป็นแค่ฟันเฟืองหนึ่งในระบบ ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับวงการกีฬา ซึ่งคนที่ติดตามกีฬากระแสหลักอาจพอเห็นภาพอิทธิพลของธุรกิจต่อการตัดสินใจของนักกีฬา เพียงแค่ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าส่งผลแค่ไหน กรณีนี้ทำให้เห็นแล้ว ในขณะเดียวกัน ก็อาจต้องมองควบคู่กันไปในระบบและภาพกว้างกว่าเชิงกฎหมายเช่นกัน ระเบียบของสมาคมและการควบคุมดูแลระบบคงถึงเวลาปรับแก้ไขพร้อมกับมาตรฐานทางจริยธรรมที่ต้องถูกยกระดับตามไปด้วย