อะไรในกอไผ่? “พัทยา ยูไนเต็ด” ของกลุ่มทุนกระเป๋าหนัก เปลี่ยนชื่อทีม-ย้ายสนาม

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง, facebook.com/pattayautdfc : ภาพ

หากนับตั้งแต่ไทยปรับระบบลีกฟุตบอลเป็นแบบ “ฟุตบอลอาชีพ” อย่างจริงจังตามกรอบขององค์กรฟุตบอลระดับทวีปมาจนถึงวันนี้เกือบครบ 10 ปี ฟุตบอลไทยไต่กราฟความนิยมและเผชิญความเปลี่ยนแปลงมาต่อเนื่อง ทีมที่เจอปัญหาหรือไม่สามารถปรับตัวเองได้ต่างล้มหายกันหรือไม่ก็เปลี่ยนชื่อควบรวมไปกับทีมอื่น และปีนี้ก็ยังมีอีกเช่นเคยกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงที่หลายคนพูดถึงคือกรณีของพัทยา ยูไนเต็ด

“โลมาสีน้ำเงิน” พัทยา ยูไนเต็ด ประกาศการย้ายสนามเหย้าของทีมจากที่เทศบาลหนองปรือ ชลบุรี ไปอยู่ที่สนาม กกท. บางพลี สมุทรปราการ พร้อมเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น “สมุทรปราการ ซิตี้” การประกาศครั้งนี้ก็เป็นข่าวจากหน้าสื่อ ไม่มีวี่แววผู้บริหาร

ทีมออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเหมือนธรรมเนียมทั่วไป เมื่อสโมสรเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้มักมีผู้บริหารทีมที่ถือเป็นผู้รับผิดชอบการตัดสินใจ จะเป็นตัวแทนชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นแถลงการณ์อย่างเป็นทางการหรือนั่งแถลงข่าว แต่ก็ไม่ได้ถือว่าผิดจารีตขั้นรุนแรง นอกเหนือจากแค่ทำให้แฟนบอล (โดยเฉพาะในพัทยา) ที่ตามเชียร์ทีมมาตลอด นอกเหนือจากฝั่งชลบุรีไม่ค่อยพอใจข่าวนี้เท่าไหร่

ข่าวครั้งนี้ไม่ได้มีบริบทเหมือนข่าวการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งก่อน ๆ ที่มาจากปัญหาเรื่อง “เงินทอง” หรือขอถอนทีมจากลีกเหมือนทีมอื่นที่มีปัญหาภายในอย่างหนัก แต่เส้นทางส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า พัทยาผ่านปัญหาภายในเรื่องสิทธิ์การทำทีมในช่วงเปลี่ยนมือจากคนคุ้นเคยของกลุ่มชลบุรีมาถึงมือของพายุ เนื่องจำนงค์ นักธุรกิจหนุ่มที่มีชื่อในหน้าข่าวเรื่องพยายามเข้าเทกโอเวอร์สโมสรฟุตบอลหลายครั้ง

เส้นทางช่วงนั้นก็มีผ่านปัญหาการเงินกันมาเช่นกัน สุดท้ายแล้วชะตากรรมของสโมสรถูกขายให้กับกลุ่มทุนเกียรติธานี เมื่อปี 2016 เป็นกลุ่มทุนที่มั่งคั่งมีธุรกิจในมือหลากหลายตั้งแต่สนามกอล์ฟ ในสมุทรปราการ มีธุรกิจบริการอย่างโรงแรม, ก่อสร้าง, ประกันภัย บริหารงานโดยตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง

การเปลี่ยนชื่อสโมสรและย้ายสนามครั้งนี้ ผู้สันทัดกรณีและแหล่งข่าววงในต่างยืนยันกันว่า เป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบที่กำหนดให้ผู้บริหารต้องทำทีมครบ 2 ปีก่อนจะยื่นขอเปลี่ยนสนามเหย้า หรือเปลี่ยนชื่อทีม ซึ่งทางเกียรติธานีก็จ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเข้ามาบริหารทีมเรียบร้อย และถือครองครบ 2 ปีผ่านเกณฑ์เช่นกัน

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่แฟนบอลกลุ่มที่ติดตามเชียร์มาเกือบ 10 ปีบางส่วนสงสัยคือ เหตุผลที่ไม่ได้ออกมาจากปากของผู้บริหารโดยตรงมากกว่า กระทั่งการประกาศกึ่งทางการจากหน้าสื่อ ก็เหมือนคนที่มีความสัมพันธ์ผูกพันกันในพื้นที่จะย้ายถิ่นไปแล้ว โดยที่ไม่ได้ยินเหตุผลจากปากเจ้าตัวเองย่อมกระทบกระเทือนความรู้สึกของอีกฝ่าย สถานการณ์นี้ตามมาด้วยการคาดคะเนของแฟนบอล ซึ่งคงไม่พ้นเหตุผลเชิงลบเรื่องย้ายเพื่อตักตวงผลประโยชน์ หรือเลี่ยงปัญหาภายในบางอย่าง

ผู้สันทัดกรณีหลายราย ทั้งกลุ่มสื่อและวงในพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า การย้ายครั้งนี้มาจากเหตุผลเรื่องความจำเป็นเกี่ยวกับข้อติดขัดด้านการบริหารงานที่ฝ่ายสโมสรไม่สามารถลุยได้เต็มที่เองมากกว่าเรื่องผลประโยชน์ที่ฝ่ายผู้บริหารทีมจะได้ ถ้าดูสภาพแวดล้อมของพื้นที่ใหม่ที่มีทรัพยากรพร้อมและถือว่าสโมสรเป็นผู้ถือครองโดยตรงก็น่าจะทำให้บริหารงานง่ายมากขึ้น สนามซ้อมพื้นที่เก็บตัวที่เป็นพื้นที่ของกลุ่มธุรกิจของผู้บริหารสโมสรก็มีพร้อม

เมื่อย้อนกลับไปดูความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่เฉพาะกับตัวสโมสรก็อาจเห็นช่องโหว่บางอย่าง ซึ่งส่งผลต่อการบริหารทีม สุดท้ายแล้วผู้บริหารต้องตัดสินใจที่จะทำให้เกิดความกระทบกระเทือนจิตใจแฟนบอลกลุ่มหนึ่งที่อาจเชียร์มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งยุคที่ยังไม่ได้เปลี่ยนโลโก้หรือมาใช้ชื่อเป็นพัทยา ยูไนเต็ดด้วยซ้ำ

การย้ายถิ่นฐานสำหรับสโมสรกีฬาท้องถิ่นถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้จะเคยเกิดในกีฬากระแสหลักอย่างทีมบาสเกตบอลในสหรัฐอเมริกามาบ้างแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับกันได้ง่าย ๆ ในแง่หนึ่งการตัดสินใจแบบนี้ สะท้อนอิทธิพลด้านธุรกิจที่อยู่เหนือแฟนซึ่งน่าจะเป็นหัวใจหลัก เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับธุรกิจกีฬาไม่แพ้กลุ่มธุรกิจที่เข้ามาลงทุนพัฒนาทีม

ปฏิเสธได้ยากว่ากีฬายุคใหม่คือเรื่องของธุรกิจ ความสำเร็จก็ผูกพันกับปัจจัยเรื่องธุรกิจมากขึ้นอย่างเกินความคาดหมาย สิ่งที่น่าสนใจคือกรณีของการย้ายถิ่นของทีมในอเมริกันเกมส์ รัฐท้องถิ่นมีส่วนร่วมปกป้องผลประโยชน์ของพื้นที่ด้วย บางกรณีอาจไม่ใช่ในเชิงกีฬาโดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการเงินมากกว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะล้มเหลวหรือสำเร็จ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงกลไกเพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะมากกว่าผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจที่มีลับลมคมใน

อย่างไรก็ตาม กรณีของพัทยา ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นเรื่องของลับลวงพรางเชิงผลประโยชน์อย่างที่คิดกันเท่าไหร่ และเกี่ยวข้องแง่การบริหารทีมมากกว่า ขณะที่ตัวผู้เล่นชาวไทยชุดเดิมเบื้องต้นก็มีแนวโน้มจะได้ไปต่อร่วมกัน แม้ว่าลึก ๆ แล้วอาจไม่แฮปปี้กับการตัดสินใจนี้เหมือนกับแฟนบอลท้องถิ่น ท้ายที่สุดชีวิตก็ต้องดำเนินต่อ และคงเป็นบทเรียนอีกหน้าหนึ่งสำหรับฟุตบอลไทย