อิทธิพลเฟอร์กี้ คืนรังผีแดงยุคโซลชาร์ กับบทเรียนบารมีนอกระบบ

ระยะเวลา 5-6 ปีหลังจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยุติบทบาทกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สาวกปีศาจแดงอาจเห็นทีมสัมผัสความสำเร็จบ้าง แต่เชื่อว่าแฟนบอลจำนวนไม่น้อยยังคงคิดถึงเฟอร์กี้อยู่ บางคนถึงขั้นมองว่าครึ่งทศวรรษที่ทีมไม่มีเฟอร์กี้เป็นหัวเรือนำ ทีมยังไม่มีบอสที่พาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้เทียบเท่า แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง ความจริงแล้วโรงละครแห่งความฝันไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากร่มเงาของกุนซือชาวสกอตรายนี้มากนัก

การประกาศวางมืออย่างสวยงามของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อปี 2013 ปิดฉากระยะเวลา 26 ปีที่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด อยู่ใต้บังเหียนของเฟอร์กี้ แฟนบอลได้เห็นทายาทกุนซือสกอตอย่างเดวิด มอยส์ ก้าวมาทำทีมพร้อมกับความท้าทายใหม่จากภาพกุนซือที่ไม่เคยคุมทีมใหญ่มาก่อน แต่ทุกคนเชื่อมั่นว่ากุนซือจากแดนวิสกี้ที่เซอร์อเล็กซ์เป็นผู้แนะนำแก่บอร์ดบริหารด้วยตัวเอง ประกอบกับแฟ้มประวัติของมอยส์กับเอฟเวอร์ตันก็น่าสนใจคงพอให้เห็นเค้าลางความหวังหลังหมดยุครุ่งเรืองกับเฟอร์กี้กันบ้าง

น่าเสียดายที่วิธีการทำงานของมอยส์ไม่ได้ผลกับทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บอร์ดบริหารต้องเคาะปลดกุนซือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ เมื่อมีครั้งแรกก็ยังมีอีก 2 ครั้งตามมาจากกรณีกุนซือที่มีสัญญาระยะยาวอย่างหลุยส์ ฟาน กัล และล่าสุดคือมูรินโญ่ ที่เล่าย้อนไปนี้มีเหตุผลบางประการที่พยายามชี้ให้เห็นว่า นับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ตัดสินใจก้าวออกจากเก้าอี้เดิม การตัดสินใจแรกจากสโมสรก็ยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของเฟอร์กี้

ด้วยผลงานและเกียรติยศมากมายตลอดเวลาเกือบ 3 ทศวรรษกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าเซอร์อเล็กซ์ยังมีบารมีในสโมสร หรือแม้แต่วงการฟุตบอลอังกฤษด้วยซ้ำ

เซอร์อเล็กซ์พยายามล้อมกรอบตัวเองโดยให้อำนาจการบริหารจัดการกับสโมสรในการตัดสินใจ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวพันหรือช่วยเหลือทีมในยุคหลุยส์ ฟาน กัล และมูรินโญ่ เนื่องจากไม่อยากถูกมองว่ามาแทรกแซงกิจการของสโมสร

ย้อนกลับไปที่อดีตอีกครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคต้น 70′ คุ้นกับช่วงเวลาที่อิทธิพลของอดีตกุนซือในตำนานอย่างเซอร์แมตต์ บัสบี อำลาทีมไปแล้ว แต่เป็นที่รู้กันจากคำบอกเล่าของแฟรงค์ โอฟาร์เรลล์ อดีตกุนซือยุค 70′ ว่า เซอร์ แมตต์ บัสบี ยังคงมีบทบาทอยู่เบื้องหลัง ทั้งแง่กายภาพที่ยังคงมีออฟฟิศในสโมสร ติดต่อกับนักเตะในทีม และยังมีอิทธิพลต่อทีมอยู่จนฟาร์เรลล์ต้องเอ่ยปากขอให้เขาได้ใช้ออฟฟิศของผู้จัดการจริง ๆ ถือเป็นบุญที่เซอร์แมตต์ยอมเก็บของให้ แต่แล้วในปี 1974 ปีศาจแดงที่เคยได้แชมป์ยุโรปก็ยังสภาพย่ำแย่ถึงขั้นตกชั้น

การเว้นระยะห่างในยุคหลุยส์ ฟาน กัล และมูรินโญ่ผ่านไป เมื่อมาถึงกรณีของโซลชาร์ บทบาทของเซอร์อเล็กซ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง ระหว่างที่โซลชาร์กำลังเข้ามารับงานนี้เป็นช่วงที่เซอร์อเล็กซ์ฟื้นฟูสุขภาพกลับมาพอดี มีรายงานชัดเจนว่า เฟอร์กูสันถูกพบเห็นว่าวนเวียนในสโมสรก่อนหน้าที่ทีมปีศาจแดงจะแต่งตั้งโซลชาร์

สื่อและแหล่งข่าวในพื้นที่หลายรายมองว่า เฟอร์กูสันน่าจะวิ่งเต้นหรือชักใยบางแง่มุมอยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งครั้งนี้ไม่มากก็น้อย ที่ค่อนข้างชัดคือ เซอร์อเล็กซ์น่าจะมีส่วนในการดึงไมค์ ฟีแลน อดีตมือขวาสมัยที่ทำงานในพรีเมียร์ลีกมาช่วยงานสโมสรเก่าอีกครั้ง

โซลชาร์อดีตกุนซือโมลด์ และคาร์ดิฟฟ์ เล่าระหว่างแถลงข่าวว่า เซอร์อเล็กซ์ที่เขาเชื้อเชิญยอมมาพูดคุยกับเขาและทีมงานถึงสนามซ้อม และกล่าวชัดเจนว่า เขายินดีรับฟังคำแนะนำจากอดีตบอสของตัวเองเมื่อครั้งค้าแข้งในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่สำคัญคือโซลชาร์ เอ่ยด้วยว่า เขาสื่อสารและแจ้งข้อมูลให้เซอร์อเล็กซ์เสมอ

จากที่เล่ามานี้ อาจพอเห็นภาพสถานการณ์และจุดยืนของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เปลี่ยนแปลงไป หากย้อนกลับไปดูบทเรียนที่ผ่านมา อาจเห็นว่าอิทธิพลของกุนซือมากบารมีก็ให้ทั้งคุณและโทษ ไบรอัน แม็คแคลร์ อดีตหัวหอกปีศาจแดงเล่าเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างให้นักเขียนของอีเอสพีเอ็นว่า ประสบการณ์ของกุนซือที่ยิ่งใหญ่ในยุคก่อนหน้าที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะทำงานเป็นสิ่งมีค่า เฟอร์กี้เองก็ใช้เวลาพูดคุยเซอร์แมตต์ บัสบี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์

ในขณะเดียวกันก็มีคำถามว่า หากปีศาจแดงยังก้าวไม่พ้นร่มเงาของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โอกาสที่จะซ้ำรอยยุคมืดเมื่อไม่สามารถเดินด้วยลำแข้งตัวเองจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ระยะเวลาที่โซลชาร์คุมนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะจบลงที่สัญญาระยะสั้น หรือจะมีโอกาสต่อสัญญาออกไปอีก

ระยะเวลาฮันนีมูนสำหรับทั้งโซลชาร์และแฟนบอลที่เหมือนได้เห็นงานรวมศิษย์เก่า ทำให้บรรยากาศวันวานรื้อฟื้นกลับมาชื่นมื่น แต่ในระหว่างนี้ก็อาจต้องจับตาเส้นทางของสโมสรว่าจะไปในทิศทางไหน ในอนาคตจะวางตัวหรือเชื่อมโยงทีมกับบทบาทของบุคลากรมากบารมีอีกหรือไม่อย่างไร