การแข่งขันฟุตบอล “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อเช้ามืดวันที่ 14 มีนาคม คู่ไฮไลต์ที่แฟนฟุตบอลไทยให้ความสนใจและติดตามมากที่สุดอยู่ที่เกมเตะระหว่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก โคตรทีมแห่งศึกบุนเดสลีก้า เยอรมนี เปิดบ้านอัลลิอันซ์ อารีน่า รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกอีกหนึ่งทีมขวัญใจแฟนบอลชาวไทย
นัดแรกที่แอนฟิลด์ บ้านของลิเวอร์พูล ปรากฎว่า เสมอกันไป 0-0 ทำให้เกมนี้บาเยิร์น มิวนิก ได้เปรียบอยู่เล็กน้อยก่อนเริ่มเขี่ยบอลเพราะได้เล่นในบ้าน โดยสถิติที่ทั้งคู่เคยพบกันอีกครั้งในศึกออดี้ คัพ 2017 ลิเวอร์พูล ชนะไป 3-0
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นิโก้ โควัค เทรนเนอร์บาเยิร์นฯ จัดทีม 11 คนแรก ประกอบด้วย มานูเอล นอยเออร์, ราฟินญ่า, นิคลาส ซูเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา, ฆาบี มาร์ติเนซ, ธิอาโก้ อัลกานตาร่า, แซร์ก จีนาบรี้, ฮาเมส โรดริเกวซ, ฟร้องค์ ริเบรี่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล จัดทัพ 11 คนแรก ประกอบด้วย อลิสซง เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
เริ่มเกมครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ตั้งเกมได้ดูดีกว่า แต่บาเยิร์นพอตั้งหลักได้ก็เริ่มใช้บอลไดเร็กโจมตีใส่ทีมเยือนทันที แค่นาทีที่ 9 ลิเวอร์พูล ต้องปรับขบวนทัพเมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนออกแล้วส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาไล่แดนกลางแทน
ถัดมานาทีเดียว ธิอาโก้ อัลกานตาร่า ได้สับไกลนอกกรอบแต่บอลข้ามคาน นาทีที่ 24 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจังหวะแรกจากการซัดของ ฟีร์มิโน่ ในกรอบเขตโทษแต่บอลถากเสาออกไป
กระทั่งนาทีที่ 26 กลายเป็นลิเวอร์พูล ออกนำก่อน 1-0 จากการวางบอลยาวของ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ไปหน้าประตูเสือใต้ ซาดิโอ มาเน่ เอาบอลลงอย่างสวย ก่อนจะพลิกบอลหลบนอยเออร์ด้วยข้างเท้าด้านนอกแต่ตวัดยิงด้วยเท้าซ้ายเข้าประตูไปอย่างงดงาม
หลังเสียประตู บาเยิร์น เร่งเกมรุกเต็มสูบ นาทีที่ 38 มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการหลุดไปทางกราบขวาของ แซร์ก จีนาบรี้ ก่อนจะกึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู โจเอล มาติป ปราการหลังหงส์แดงเหยียดเท้าสกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเองไป ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ลงมาสู้กับบาเยิร์นแบบสนุกชนิดไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีเจ้าบ้าน ผลักกันรุก ผลัดกันรับหวุดหวิดได้ประตูหลายจังหวะ กระทั่งนาทีที่ 69 ลิเวอร์พูล ได้ประตูออกนำ 2-1 จากจังหวะเตะมุมทางกราบขวา มิลเนอร์ เปิดโด่งมาหน้าประตู เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ขึ้นโขกเอาชนะ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ บอลผ่านมือนอยเออร์ เข้าประตูอย่างสวยงาม
หลังเสียประตู บาเยิร์นโหมหนัก เปลี่ยนตัวเอา ฆาบี มาร์ติเนซ ออก แล้วส่ง ลีออน โกเรทซ์ก้า ลงมาแทน
นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตอกฝาโลง 3-1 จากจังหวะที่ ซาลาห์ ปั่นไซด์ก้อยมาให้มาเน่ ขึ้นโขกตุงตาข่าย จบเกมลิเวอร์พูล ทำได้สำเร็จบุกไปชนะบาเยิร์น มิวนิก 3-1 ทะยานเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
ที่มา:มติชนออนไลน์
