ทางแพร่งของ ป็อกบา แข้งขบถในฟุตบอลยุคใหม่

ในบรรดานักเตะที่ค้าแข้งในยุโรปมีหลายรายที่มักตกเป็นเป้าสายตาจากพฤติกรรมของตัวเองเสมอ ยิ่งเป็นรายที่มีฝีเท้าดีด้วยแล้ว เมื่อมีลักษณะนิสัยแบบวัยรุ่นเลือดร้อนที่มั่นใจในตัวเองสูง ยิ่งถูกจับจ้องและบางครั้งก็ส่งผลกระทบต่อทั้งทีมและแฟนบอล

สำหรับช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะในยุโรปปี 2019 มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์จำนวนหนึ่งซึ่งตกเป็นข่าวต้องการย้ายทีม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในรายที่ทำให้เกิดหัวข้อสนทนาในหมู่แฟนบอลที่ติดตามความเคลื่อนไหวลีกยุโรปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ย่อมเป็น ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก

มิโน่ ริโอล่า ซูเปอร์เอเย่นต์ของป็อกบา ให้สัมภาษณ์กับสื่อดังทำนองว่า ป็อกบาต้องการย้ายออกจากถิ่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยหวังจะให้เกิดทางออกที่ทุกฝ่ายพอใจ แม้ว่าเจ้าตัวจะเดินทางไปร่วมทัวร์ช่วงพรีซีซั่นกับทีมปีศาจแดงในแถบเอเชีย แต่ดูเหมือนว่าความสนใจส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ที่ผลการแข่ง กลับไปอยู่ที่ความเคลื่อนไหวของแข้งแดนน้ำหอมวัย 26 ปี ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ย้ายสมใจหรือไม่

แข้งค่าตัว 89 ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติการย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรมีฤดูกาลที่ค่อนข้างผันผวนพอสมควร มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดีหลังจากที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกกับทีมตราไก่เมื่อปี 2018 ซึ่งถือว่ากลายเป็นเกียรติประวัติประดับแบรนด์ของตัวเองไปอีก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลปีศาจแดงสนใจจริง ๆ แล้วไม่น่าจะใช่เหรียญแชมป์โลกเสียเท่าไหร่

ความลักลั่นในบรรยากาศแวดล้อมอันเกี่ยวเนื่องกับเจ้าหนุ่มห้าวรายนี้เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญต่อทีมมากกว่า ประเด็นก็คือค่าเหนื่อยของป็อกบาประมาณ 290,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แฟนบอลส่วนหนึ่งประเมินผลงานของป็อกบาว่า ค่าเหนื่อยที่จ่ายไปกับสิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ค่อยคุ้มกันนัก ยิ่งเมื่อประกอบกับพฤติกรรมนอกสนามด้วย

ไซมอน สโตน คอลัมนิสต์กีฬาจากบีบีซีวิเคราะห์ว่า สัญญาของป็อกบากับปีศาจแดงเหลืออีก 2 ปี บวกกับทางเลือกสำหรับต่ออีก 1 ปี มองในด้านหนึ่งสโมสรต้องจ่ายค่าเหนื่อยแพงลิ่วสำหรับมิดฟิลด์ฝรั่งเศสรายนี้ไปอีกอย่างน้อย 2 ฤดูกาล หากผลงานยังไม่เป็นที่น่าพอใจ (กว่านี้) แฟนบอลส่วนหนึ่งมองว่า ก็ควรปล่อยตัวออกเพื่อลดบิลค่าใช้จ่าย

อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเสริมนักเตะที่จะช่วยทีมได้ (มากกว่านี้) แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์ก็ยกสถิติผลงานของป็อกบาในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 ตัวเลขหลายด้านบ่งชี้ว่า เขาเป็นนักเตะที่ทำผลงานหลายด้านเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงด้วยซ้ำ หากนับตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงที่ย้ายจากยูเวนตุสกลับมาร่วมทีมเก่าจนถึงปี 2019 ป็อกบามีส่วนร่วมกับประตู

ที่ทีมทำได้มากที่สุด (นับรวมทุกรายการ) เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมทั้งหมด โดยยิง 31 ประตู และส่งให้เพื่อนร่วมทีมจบสกอร์ 29 ครั้ง หากนับเฉพาะฤดูกาล 2018-2019 ดาวซัลโวสูงสุดของทีมในพรีเมียร์ลีกก็เป็นป็อกบา รวมไปถึงสถิติเชิงลึกอีกหลายข้อ อาทิ ผ่านบอลมากที่สุด, ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้มากที่สุด, สร้างสรรค์โอกาสให้ทีมจบสกอร์มากที่สุด, ผ่านบอลไปสู่พื้นที่จบสกอร์ได้มากที่สุด, เอาชนะการเข้าปะทะได้มากที่สุด และอีกหลายข้อ

หากพิจารณาจากสถิติเชิงลึกแล้ว การขายปอล ป็อกบา เพื่อนำเม็ดเงินมาบริหารจัดการก็คงต้องทำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเช่นกัน

สำหรับนักเตะที่มีสองด้านบวกกับเรื่องพฤติกรรมนอกสนามอย่างปอล ป็อกบา ไม่น่าใช่ปัญหาสำหรับทีมที่อยากได้จริง ๆ นักเตะห้าวลักษณะนี้หากไม่เกินเลยกรอบนักอาจมองได้ว่าเป็น “แบรนด์” ที่ทำให้วงการสนใจขยายการรับรู้เกี่ยวกับสโมสรออกไปอีก นักเตะอย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิช ซึ่งมีแคแร็กเตอร์แบบมั่นใจในตัวเอง หรือดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ไม่ห้าวแต่ติสต์ก็เป็นบริบทที่ “ล่อเป้า” (ทั้งแง่บวกและลบ) ให้คนทั่วไปมาสนใจความเคลื่อนไหว อีกทั้งยังช่วยทีมทำผลงานในสนามอีกด้วย

โจทย์ใหญ่สำหรับการย้ายทีมของนักเตะระดับนี้น่าจะอยู่ที่ค่าตัวมากกว่า ทีมกระเป๋าหนาอย่างเรอัล มาดริด ก็อาจต้องหากลยุทธ์ทางการเงินเพื่อควักกระเป๋าซื้อปอล ป็อกบา จากป้ายราคาไม่ต่ำกว่า 90 ล้านปอนด์ หลังซื้อเอเดน อาซาร์ ไปแล้วด้วยมูลค่าประมาณ 130 ล้านปอนด์ ขณะที่ปอล ป็อกบา และซูเปอร์เอเย่นต์เปิดอกชัดว่าต้องการย้ายทีม แต่กระบวนการและค่าตัวของป็อกบาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้เกิดดีลในเร็ววันก่อนจะเปิดฤดูกาลในช่วงต้นเดือนสิงหาคม

โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังเปรยระหว่างทัวร์ในแถบเอเชียว่า สโมสรก็ไม่ได้ต้องการผลักดัน ไม่ได้ถึงขั้นเร่ขายนักเตะระดับป็อกบาออกจากทีม ซึ่งนั่นอาจเป็นนัยว่า หากข้อเสนอที่สโมสรได้รับมาไม่เป็นที่พอใจ การย้ายทีมก็อาจไม่เกิดขึ้นตามที่แฟนบางส่วนคาดหวังก็ได้ แนวโน้มความเป็นไปได้ตามที่สื่อคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ว่า ป็อกบา

อาจต้องอยู่กับปีศาจแดงไปจนถึงช่วงเปิดฤดูกาล 2019-2020 ก็มีแววเกิดขึ้นได้เช่นกัน มีรายงานด้วยว่าหากอยู่ครบตามระยะเวลา เขาจะได้โบนัสตามสัญญาอีก ซึ่งแฟนบอลก็มองว่าไม่น่าจ่ายหากพิจารณาจากพฤติกรรม

หากพิจารณาตามข้อเท็จจริง ในโลกลูกหนังยุคนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด และสิ่งที่คิดว่าจะเกิดก็อาจไม่เกิดได้เช่นกัน ไม่มีใครสามารถรับประกันเหตุการณ์จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายจริง ๆ นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลเกร็งตัวลุ้นกันมากเป็นพิเศษ