หลังฉาก “โพเช็ตติโน่” ไป “มูรินโญ่” มา เกิดอะไรในสเปอร์ส?

LONDON, ENGLAND - APRIL 21: Jose Mourinho, Manager of Manchester United embraces Mauricio Pochettino, Manager of Tottenham Hotspur after The Emirates FA Cup Semi Final match between Manchester United and Tottenham Hotspur at Wembley Stadium on April 21, 2018 in London, England. (Photo by Shaun Botterill/Getty Images)

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

เมาริซิโอ โพเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ที่กระเด็นหลุดจากตำแหน่งในทีมท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ขณะที่ผู้บริหารของสโมสรแห่งลอนดอนเลือก โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือมาดกวนเข้ามาทำงานแทนภายในวันเดียวกัน ไม่เพียงทำให้แฟนบอลไก่เดือยทองออกมาวิจารณ์การเคลื่อนไหวครั้งนี้ แวดวงลูกหนังยุโรปก็พากันจับตาความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะมีผลกระทบลูกโซ่ในเวลาอันใกล้

ช่วงสัปดาห์พักเบรกสำหรับโปรแกรมทีมชาติเป็นช่วงที่บรรดาแข้งดังต่างถูกเรียกตัวไปรับใช้บ้านเกิด และมักไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวในสโมสรเท่าใด บางครั้งความคุ้นชินนี้ก็มีข้อยกเว้นบ้าง และ “บางครั้ง” ที่ว่า มาเกิดกับสโมสรที่เพิ่งเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อนแบบหมาด ๆ แต่ผ่านมาถึงฤดูกาลต่อมากลับทำผลงานออกมาจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ยากจะปฏิเสธว่า กุนซืออาร์เจนไตน์วัย 47 ปี ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมในอังกฤษ ตั้งแต่สร้างชื่อกับเซาแธมป์ตัน ปลุกปั้นนักบุญให้กลับมาเล่นกันอย่างแข็งแกร่งและมีชีวิตชีวา ก่อนย้ายมาคุมสเปอร์ส เมื่อปี 2014 “พอช” คืออีกหนึ่งช่วงกราฟขาขึ้นที่ไก่เดือยทองทะยานสูงทั้งแง่ผลงานในสนาม การเงิน และความนิยมก็เฟื่องฟูกว่าเดิมในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

สโมสรกำลังได้เงินก้อนจากการผลิตสารคดีของตัวเอง ดังที่เคยเอ่ยถึงไปแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าเส้นทางของเขาจะจบลงเท่านี้

แฟนบอลจำนวนไม่น้อยเห็นแย้งกับการตัดสินใจของบอร์ดในครั้งนี้ แนวทางการทำทีมและนโยบายของพอช ออกดอกออกผลในฉากหน้าม่านมาจนวันนี้

ก็ยากจะปฏิเสธว่า เขาเป็นอีกหนึ่งกุนซือที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว มีศักยภาพพอคุมทีมใดก็ได้ทั่วโลก แต่ในเวลานี้ก็ต้องยอมรับด้วยว่า ผลงานของสโมสรช่วงต้นฤดูกาลย่ำแย่จริง พวกเขาหล่นไปรั้งอันดับ 14 ของตาราง ภายใต้บริบทนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดอาจไม่ใช่เรื่องผลงานในสนามและเชิงสถิติ แต่จากข้อมูลที่สื่ออ้างว่าเป็นวงใน เชื่อกันว่า “พอช” เสียศูนย์ในการคุมทีมตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน

เดลิเมล์ สื่ออังกฤษอ้างอิงผู้สันทัดกรณีเกี่ยวกับสถานการณ์ในสโมสรสเปอร์สซึ่งชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโพเช็ตติโน่ กับลูกทีมบางรายไม่ค่อยสู้ดี กุนซือกับผู้เล่นกลุ่มนี้เจรจาสื่อสารกันน้อยมากมาสักพักแล้ว ขณะที่กุนซือก็ไม่ค่อยให้ลูกทีมหารือกับเขาเรื่องแผนการเล่นเท่าไหร่ด้วย

นอกจากนี้ ผู้เล่นบางรายดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจกับแนวทางที่พอช จัดวางระเบียบเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยทั้งในและนอกสนาม อีกกระแสหนึ่งก็เชื่อว่า ผู้เล่นบางรายที่อยู่กับทีมมาในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา เริ่มรู้สึกจำเจกับสภาพแวดล้อมภายใต้ร่มเงาของพอช ที่ออกมาแบบเดิม ๆ ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวเรื่องประเด็นความขัดแย้งระหว่างพอชกับ แดเนียล เลวีย์ ประธานสโมสร ในเรื่องทิศทางการเสริมทีมด้วย ดาวเด่นของทีมที่อยู่กับสโมสรมาสักระยะต้องการหาความท้าทายใหม่ ขณะที่โพเช็ตติโน่ก็ต้องการพัฒนาขุมกำลังด้วย แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์ไม่ได้ออกมาแบบที่โพเช็ตติโน่ ผู้เล่น และแฟนบอลคาดหวัง

มองย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 หลังจากที่ แกเร็ธ เบล ดาวเด่นที่สุดของยุโรปอีกรายในเวลานั้น ถูกปล่อยจากสเปอร์ส ไปที่เรอัล มาดริด ไก่เดือยทองนำเข้าผู้เล่นเลือดใหม่อีก 7 ราย แต่ไม่นานนัก อันเดร วิลลาส โบอาส และ ทิม เชอร์วูด ต่างก็ทยอยถูกปลดไป สเปอร์สจึงค่อยได้พอชเข้ามาพลิกฟื้นสโมสรอีกคราในรอบครึ่งทศวรรษหลัง กราฟของทีมพัฒนาอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่พอชโดดเด่นมาก คือ การวางระบบการเล่นที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย แต่ก็มีรากฐานที่ชัดเจน ด้วยการเข้าบีบกดดันคู่ต่อสู้แบบเข้มข้น อันเป็นเทรนด์ของฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องอาศัยพละกำลังอย่างมาก สิ่งที่พอชเรียกร้องจากผู้เล่นก็อาจสอดคล้องกับกระแสข่าวซุบซิบอยู่บ้าง ไม่แน่ว่าสไตล์อันเปรียบเสมือนจุดแข็งนี้ก็อาจกลับกลายมาเป็นดาบสองคมที่ทำให้เขาไม่สามารถอยู่กับทีมได้นาน

เมื่อพอชจากไป สิ่งที่แฟนสเปอร์สได้กลับมา คือ แบรนด์ของ “โจเซ่ มูรินโญ่” ซึ่งก็ไม่ได้ย่ำแย่ แถมเป็นกุนซือแถวหน้าของโลก จากผลงานคุมทีมใหญ่คว้าแชมป์ต่อเนื่องเสมอมา (แชมป์รายการใหญ่บ้าง เล็กบ้าง) สิ่งที่น่ากังวลสำหรับสโมสร คือ การเดินทางในระยะยาวมากกว่า หลายปีมานี้ มูรินโญ่ทำงานได้ไม่ค่อยนาน และยังมักมีเรื่องดราม่าแตกหักเกิดขึ้นหลังผ่านช่วง 1-2 ฤดูกาลแรกไปแล้วบ่อยครั้ง

รายงานข่าวเผยว่า แข้งสเปอร์สไม่เพียงเซอร์ไพรส์กับการปลดโพเช็ตติโน่ พวกเขายังเซอร์ไพรส์มากกว่ากับการที่ชื่อมูรินโญ่ ที่จะมาเป็นบอสของพวกเขาต่อ แน่นอนว่าสไตล์การเล่นต้องมีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น

ที่สำคัญอีกประการ คือ การทำงานระหว่างบอร์ด ประธานสโมสร และผู้จัดการอย่างมูรินโญ่ ขนาดโพเช็ตติโน่ที่ทำผลงานจากแนวคิดส่วนตัวได้น่าพอใจ ยังไม่สามารถรับแรงสนับสนุนจากบอร์ดแบบที่ต้องการได้ ในกรณีของมูรินโญ่ที่เคยมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์กับผู้บริหารสโมสรเรื่อยมา ยิ่งเป็นข้อสงสัยที่เป็นคำถามอย่างมาก

สิ่งหนึ่งที่สโมสรในยุคนี้มอง คือ เรื่องชื่อเสียงและแบรนด์ของบุคลากร พวกเขาไม่ได้มองแค่เรื่องความสามารถในการทำงานเท่านั้น การได้มูรินโญ่มานั่งทำงานด้วย ย่อมหมายถึงโอกาสในทางธุรกิจอื่น ๆ ทั้งในและนอกสนาม ส่วนผลงานในสนามนั้น


ไม่มีใครการันตีใด ๆ ได้ และนี่คือเสน่ห์ของฟุตบอล…มาลุ้นกันนั่นเอง