ทำไม “กีเก้ เซเตียน” โค้ชที่ไม่เคยคว้าแชมป์ได้นั่งกุนซือบาร์เซโลนา

Photo by LLUIS GENE / AFP

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ใครก็ต้องรับมือ ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งว่าจะสามารถก้าวข้ามไปสู่ช่วงเวลาที่ดีได้หรือไม่ บทพิสูจน์นี้เองที่หลายทีมในยุโรปกำลังเผชิญหน้า ไม่เว้นแม้แต่บาร์เซโลนา ยอดสโมสรแห่งลาลีกา สเปน ทีมลูกหนังแถวหน้าของโลกที่เพิ่งได้กุนซือใหม่

รอบทศวรรษที่ผ่านมา บาร์เซโลนาครองความยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จสูงสุดยาวนานต่อเนื่อง ปฏิเสธได้ยากว่า องค์ประกอบที่สำคัญที่นำพาบาร์ซ่ามาถึงวันนี้ นอกเหนือจากระบบโครงสร้างการบริหารที่แข็งแรง ยุคนี้ยังต้องยกให้บุคลากรอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (ถึงลาจากกันแล้ว แต่ยังหลงเหลือเค้าลางในสโมสร) และนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่เป็นเหมือนหัวใจและหน้าตาของสโมสรในอีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า เมสซี่เข้าสู่ช่วงปลายของการค้าแข้งแล้ว แข้งอาร์เจนไตน์วัย 32 ปี มีเวลาในอาชีพนักเตะกับบาร์เซโลนา (ในระดับเป็นตัวหลักที่ทีมพึ่งพาผลงานได้) อีกไม่มาก หลังจากนี้ไม่นาน แฟนบอลน่าจะได้เห็นยุคผลัดใบชัดเจนขึ้น

สำหรับลมหายใจ ณ ปัจจุบัน ภายหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โบกมืออำลาไป และหมดยุคกุนซือที่เติบโตจากสโมสรเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา บาร์ซ่าเปลี่ยนกุนซือมากหน้าหลายตาเหมือนกับสโมสรทั่วไป กระทั่งถึงยุค เออร์เนสโต บัลเบร์เด ที่น่าจะเป็นช่วงเวลาซึ่งแฟนบอลดูจะขัดหูขัดตากับผลงานมากกว่ารายอื่น ชะตาของบัลเบร์เดไม่เหลือรอดและโดนปลดกลางทาง กุนซือที่มารับงานต่อเป็นการตัดสินใจที่น่าคิดทีเดียว

กีเก้ เซเตียน กุนซือชาวสเปน วัย 61 ปี คือ กุนซือบาร์ซ่าที่ได้รับแต่งตั้งและแถลงข่าวรายล่าสุด สิ่งที่โลกลูกหนังเซอร์ไพรส์ คือ สำหรับสโมสรใหญ่ระดับโลกอย่างบาร์ซ่า พวกเขาก็ยังเลือกกุนซือรายนี้ที่ไม่เคยมีเกียรติประวัติความสำเร็จจากการคุมทีมระดับสโมสรติดตัวเลย

เซเตียนยังกล่าวติดตลกระหว่างการแถลงข่าวเปิดตัวกุนซือที่สนามคัมป์นูของบาร์ซ่าว่า ก่อนหน้าวันแถลง เขายังเดินเล่นในถิ่นเกิดที่รายล้อมด้วยวัวอยู่เลย วันต่อมาเขามานั่งอยู่ในสนามซ้อมของสโมสรที่มีนักเตะฝีเท้าแถวหน้าของโลก แค่ประโยคนี้ก็อาจสะท้อนกราฟชีวิตของกุนซือรายนี้ ที่ก้าวกระโดดจากประวัติการทำงานที่ทำงานกับทีมอย่าง เรอัล เบติส, ลาส พัลมาส, ลูโก หรือราซิ่ง ซานตานเดร์ สโมสรในถิ่นเกิดของเขาเอง

Advertisment

แต่แน่นอนว่า คนที่บอร์ดบาร์เซโลนา และสโมสรที่มีแนวคิดปรัชญาเกี่ยวกับฟุตบอลโดดเด่นชัดเจนเลือก ต้องมีสิ่งพิเศษ แนวคิดของเซเตียนอาจใกล้เคียงกับฟุตบอลแบบโยฮันน์ ครัฟฟ์ ต้นแบบปรัชญาฟุตบอลดัตช์ยุคใหม่ที่หล่อหลอมบาร์ซ่ามาจนวันนี้ ตัวอย่างที่ชัดเจนอีกประการ คือ เกมที่เซเตียน พาเบติสบุกมาชนะบาร์ซ่า ถึงถิ่นคัมป์นู เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 เป็นความพ่ายแพ้ของบาร์ซ่าในคัมป์นูครั้งแรกในรอบกว่า 10 เดือน สื่อต่างประเทศรายงานกันว่า หลังจบเกม เซร์คิโอ บุสเก็ตต์ มิดฟิลด์แดนกระทิงดุของเจ้าถิ่น มอบเสื้อแข่งที่เขียนข้อความด้านหลังว่า “แด่กีเก้, ด้วยความสำนึกและชื่นชมมุมมองของคุณที่มีต่อฟุตบอล”

ช่วงที่เขาคุมเบติส อีกสโมสรเก่าแก่ของสเปน เป็นเวลา 2 ปี อาจไม่ได้มีแชมป์ใดติดมือเช่นเดียวกับต้นสังกัดอื่น ๆ แต่สิ่งที่น่าประทับใจ คือ เขาสามารถหล่อหลอมเบติส ให้กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลภายใต้ระบบเดียวกันอันน่าทึ่ง เบติสของกีเก้ เป็นทีมเดียวที่สามารถเอาชนะทั้งบาร์ซ่า และเรอัล มาดริด ในฤดูกาลเดียวกัน นับตั้งแต่ปี 2013 และยังพาทีมจบในส่วนบนของตารางที่อันดับ 6 ในฤดูกาลแรก แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็ไม่สู้ดี แฟนบอลเริ่มไม่เห็นด้วยกับแนวทางของเขา แต่ดูเหมือนว่า ไม่ใช่สำหรับบาร์ซ่า

Advertisment

สิ่งที่ทำให้บาร์ซ่าสนใจ คือ กีเก้เป็นสาวกของครัฟฟ์ และมีมุมมองฟุตบอลที่ได้รับอิทธิพลมาจากครัฟฟ์ ช่วงที่กีเก้เป็นนักเตะเล่นให้กับสโมสรในถิ่นเกิดอย่างราซิ่ง ซานตานเดร์ ก็ยังเคยดวลกับบาร์ซ่าของครัฟฟ์ ประสบการณ์ในสนามครั้งนั้น กีเก้ยังบอกว่า ช่วยให้บทเรียนเรื่องฟุตบอลมาจนถึงวันนี้

เคล็ดลับในวิถีชีวิตของกีเก้ที่น่าสนใจอีกประการ คือ เขาชื่นชอบหมากรุก มันเป็นเกมที่เขาแทบจะชอบแซงหน้าฟุตบอล อันเป็นอาชีพของเขาด้วยซ้ำ และยังเคยดวลกับอดีตแชมป์โลกหมากรุกชื่อดังอย่าง อนาโตลี คาร์ปอฟ (ไม่ต้องเดาผล กีเก้แพ้ !)

กิจกรรมนี้ควบคู่กับการซึมซับอิทธิพลทางความคิดแบบครัฟฟ์ ที่เป็นฟุตบอลเชิงระบบนอกเหนือจากด้านที่เป็นโอกาสสำหรับกีเก้ อันมาจากตัวตนของเขา ก็ต้องยอมรับว่า บาร์ซ่าตัดสินใจเสี่ยงอีกครั้ง หลังจากที่เคยเชื่อมั่นกับเป๊ป ที่ไม่เคยคุมสโมสรแบบชุดใหญ่เต็มรูปแบบมาก่อนขึ้นมาทำทีม คำถามที่มีในช่วงแรกหลั่งไหลเข้ามา แฟนบอล (หรือแม้แต่ระดับบริหาร) อยากรู้นโยบาย แท็กติก ทิศทางการทำงานของทีมชุดใหญ่ ไปจนถึงการใช้งานนักเตะเยาวชนที่เป็นอีกจุดเด่นของสโมสร

แฟนบอลสเปนอาจคุ้นเคยกับบุคลิกของเซเตียน ในมาดนิ่งในวันแข่ง ทีมงานของเขามีตัวจี๊ดที่คอยทำงานกระตุ้นอย่าง เอเดอร์ ซาราเบีย ตามติดมาเป็นผู้ช่วยโค้ชด้วย ซาราเบียขึ้นชื่อเรื่องลีลาและพฤติกรรมที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง แถมยังแสบเอาเรื่องด้วยวีรกรรมป่วนทีมสตาฟคู่แข่ง

ไม่บ่อยนักที่โลกลูกหนังจะพบกับการตัดสินใจเช่นนี้ ซึ่งปรากฏการณ์ครั้งนี้คู่ควรกับการติดตามว่า บาร์ซ่าในยุคผลัดใบเช่นนี้จะมีรูปโฉมออกมาเช่นไร